.
มักจะถูกถาม อยู่เรื่อยว่า นามปากกา Wave Riders แล้ว ทำไม ไม่ค่อย คุย เรื่อง คลื่น ให้ฟัง เลย
อืม .... นั่นสินะ คิดอยู่นาน แล้ว ว่า จะคุย เรื่อง นี้ ให้ฟังดีไหม .....
.
เรื่อง คลื่น เป็น เรื่อง ที่ยาก และ ซับซ้อนมากๆ การจะ อธิบาย ให้ ฟัง แล้ว เข้าใจได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก .... หลายคน อยาก รู้เรื่อง คลื่น แล้ว ก็ไปเรียน ไป อ่าน ไปศึกษา กับ ใคร ต่อใคร ที่สอนๆ กันอยู่ ...
ที่เกิดขึ้น ตามมา คือ หลายคน ก็สอนไม่ หมด บางคน ก็ท่องตำราสอน ... คนสอนก็มึน คนเรียน ก็เมา ...
..
นับไปนับมา ผิด บ้าง ถูกบ้าง ... แล้ว พอนับ ไม่ตรงกัน ก็ งง ถกเถียง ทะเลาะกัน วุ่นวายไปหมด .. ก็น่าปวดหัว ถึง ไม่ค่อยอยากคุย เรื่อง คลื่น เพราะไม่อยากไปเถียงกับใคร มันเสียเวลา ...
..
หลายคน นับ คลื่น จะนับ เอาให้ถูก จะนับ เอาให้เป๊ะ กลายเป็น เทพแห่งคลื่น ..... ไม่ว่า กัน ครับ
ผม ก็เคยเป็น แบบนั้น ....
.
. สุดท้าย เจอประโยค นึง ... ถามกลับมา ... นับคลื่นถูก กับ นับคลื่นไม่ถูก ทำกำไร ต่างกันไหม ...
... มันก็ต่าง อยู่นะ ... แต่ .... ไม่มากเท่าไหร่ ... เรานับ เป็น Wave 3 เขานับ เป็น Wave C ... สุดท้าย มันก็เข้า ที่เดียวกัน ขายทำกำไร ใกล้ๆ กัน ...
..
เพื่อน รุ่นพี่ ก็ด่า .... ปุย ... มึงจะนับ เอา เท่ หรือ มัน จะเทรด ทำกำไร ..... อูย .... มัน จี๊ด.... ถึงใจเลย
...
เพราะ บางที่เรานับ คลื่น ไป จน ไปเอส จนโลภ จนคิดไป ว่า จะเอาให้สุดคลื่น ทั้งที่จริงๆ แล้ว การเทรด ทำกำไร มันไม่อยู่ ที่การ ซื้อถือ ให้สุดคลื่น สักหน่อย ....
..
นั่น จึงเป็น 1 ในเหตุผล ที่ ไม่ค่อย คุย เรื่อง คลื่น ให้ฟังมากนัก ..
...
ก่อนจะ เริ่ม ทำความเข้าใจ เรื่อง คลื่น ..
ขอ บอกไว้ก่อนว่า เรื่อง คลื่น เป็นการ นำหลักการ กฎ และ ข้อสังเกตุ หลายอย่างมาประกอบกัน สร้าง สมมุติฐาน ของการเคลื่อนที่ ของ ราคา ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต (Trade Scenario)
บางขณะคาดการณ์ การเกิดของ ราคาในอนาคต ได้ มากมาย ถึง 7 8 9 แบบ ซึ่ง มันมากเกินไป (Too Much Alternation) ไม่สามารถ เทรดได้ .... เพราะตลาด ผันผวน และ พักตัว
..
อาจจะต้องรอให้เวลาผ่านไป ราคาเคลื่อนที่ไป จน สามารถ ตัด รูปแบบ ต่างๆ ทั้งออกไปได้ จนเหลือ เพียง 2-3 แบบ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เท่านั้น ... จึง สามารถ นำ มาวาง Trading Strategy จัดแผนกลยุทธ์ในการเทรด ได้ ... เรียกว่า "ใช้การสงบ สยบ ความเคลื่อนไหว"
..
ดังนั้น การมองการเคลื่อนที่ของราคา ด้วย ทฤษฎีคลื่น จึงไม่สามารถ ฟันธงได้ ทุกครั้งไปว่า ราคาในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไร .... ราคา จะเฉยตัวตนของ คลื่น ที่แท้จริง ว่าเป็น คลื่นอะไร กันแน่ เมื่อราคาได้ผ่าน คลื่นนั้นไปแล้ว ถึง 2 ช่วงคลื่น
...
เรา จะรู้ว่า คลื่น 3 จบ แล้ว เมื่อ คลื่น 5 เกิดขึ้นแล้ว เราจะรู้ว่า คลื่น 5 จบแล้ว เมื่อ คลื่น B เกิดขึ้นแล้ว
...
เรื่อง ของ คลื่น มันจึงเป็นการ บอก "ความน่าจะเป็น" (Probability) เท่านั้น ....
...
มา รู้จัก คลื่น กัน
...
[1] .. Motive Wave หรือ Impluse Wave
จะเป็นการเคลื่อนที่ของราคา ที่ไปในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มหลัก หรือ Large Trend จะประกอบด้วย 5 คลื่น ย่อยๆ เวลาที่ Label จะใช้ตัวเลข 1-2-3-4-5
.
โดยมีคลื่น 1, 3, 5 ที่เคลื่อนที่ ตาม Trend
โดยมีคลื่น 1, 3, 5 ที่เคลื่อนที่ ตาม Trend
.
และคลื่น 2 และ 4 ที่เคลื่อนที่ สวนกัน Trend
..
เมื่อจบ Impulse Wave จะ ถดถอย ด้วย Corrective Wave
และคลื่น 2 และ 4 ที่เคลื่อนที่ สวนกัน Trend
..
เมื่อจบ Impulse Wave จะ ถดถอย ด้วย Corrective Wave
ซึ่งจะมีองค์ ประกอบ มี 3 คลื่นย่อย หรือ 5 คลื่นย่อย หรืออาจมากกว่าก็ได้ เวลาที่ Label Wave จะใช้ตัวอักษร A-B-C -D-E หรือ W-X-Y-XX-Z ....
[2] . Impulse Wave จะเป็นขาลง Down Trend ก็ได้
[2] . Impulse Wave จะเป็นขาลง Down Trend ก็ได้
ก็จะพบ เป็น 5 คลื่นย่อย ในขาลง และเมื่อครบก็จะ Rebound เป็น 3 คลื่นย่อย เป็นลง 1-2-3-4-5 แล้ว เด้งขึ้นเป็น A-B-C
..
ดังนั้น คลื่น 1,3 และ 5 เมื่อ อยู่ในทิศทางเดียวกับ Trend ก็แสดงว่า แต่ละคลื่น เป็น Impulse Wave แต่ละคลื่นก็จะมี 5 คลื่นย่อยภายใน ..
..
ดังนั้น คลื่น 1,3 และ 5 เมื่อ อยู่ในทิศทางเดียวกับ Trend ก็แสดงว่า แต่ละคลื่น เป็น Impulse Wave แต่ละคลื่นก็จะมี 5 คลื่นย่อยภายใน ..