Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Intrinsic Value VS Market Price



            นักลงทุนแบบเก็งกำไร ก็ต้องเรียนรู้ตนเอง และเรียนรู้วิธีการที่เหมาะกับตนเอง ในการเลือกวิธีการลงทุนในแบบฉบับของตนเอง เพื่อที่จะสร้างผลกำไรสูงสุดได้ ไม่ว่าจะด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็เป็นการนำความรู้มาประเมินความน่าจะเป็นของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นในอนาคต การกำหนดแผนการลงทุน จึงจำเป็นที่นักลงทุนจะต้องทำ เพื่อกำหนดราคาที่จะซื้อ จำนวนหุ้นที่จะซื้อ ราคาที่ยังถือต่อหรือขายทิ้ง และเป้าราคาที่จะขายทำกำไร ก็ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน และปรับปรุงให้เข้ากับสถานะการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา

            การใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มาเก็งกำไรราคาหุ้นในอนาคต ก็สามารถทำได้ แต่อาจจะต้องมองเป็นการซื้อและถือมากกว่า จะซื้อขายบ่อยๆ เป็นรอบเล็กๆ คงไม่ได้ เพราะข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ในการประเมินสถานะการณ์นั้น กิจการจะมีการแสดงงบการเงินแสดงผลประกอบการทุกๆ 3 เดือน ดังนั้นนักลงทุนในแนวทางนี้ จึงต้องสามารถจำลองสถานะการณ์ของกิจการในอนาคต ประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไร/ขาดทุนของกิจการในอนาคต และประเมินความน่าจะเป็นของ มูลค่ากิจการ หรือมูลค่าที่เหมาะสม (Intrinsic Value) ของราคาหุ้นนั้นๆ ออกมา ซึ่งถ้าเป็นกิจการที่ไม่ซับซ้อน ก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก แต่ก็ต้องระวังด้วยว่า กว่างบการเงินของกิจการจะออกมา ราคาหุ้นก็อาจจะสะท้อนความคาดหวังในกิจการไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ หรือราคาหุ้นอาจจะวิ่งเกินราคาที่เหมาะสมไปแล้วก็ได้

            ส่วนการใช้การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เป็นการใช้ราคาซื้อขาย และปริมาณการซื้อขายที่ผ่านมา นำไปคำนวณด้วยเครื่องมือคำนวณทางสถิติต่างๆ แสดงผลออกมาเป็นกราฟ เป็นภาพแสดงผลในลักษณะต่างๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของราคาหุ้น วิเคราะห์แนวโน้มของราคาหุ้นว่าแนวโน้มของราคากำลังอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งสามารถใช้กราฟ Time Frame ที่แตกต่าง มาวิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะสั้น ระยะกลาง หรือ ระยะยาว เช่น Yearly, Monthly Chart ใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะยาว Weekly, Daily Chart ใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะกลาง หรือ Hours, Minutes Chart ใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาในระยะสั้น แต่ว่า Technical Analysis ยังมีวิธีการที่หลากหลาย เป็นการใช้ข้อมูลทางสถิติของราคา และปริมาณการซื้อขายมาคำนวณ แล้วแสดงผลผ่านเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ ออกมา สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดผ่านทางกราฟเทคนิค

            บนหลักการเก็งกำไร ซื้อถูก-ขายแพง หรือใครจะบอกว่าซื้อแพงแล้วขายแพงกว่าก็ตาม การที่จะเกิดลักษณะนั้นได้ แสดงว่า ราคาหุ้นจะต้องมีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้นในอนาคต หรือที่เรียกกันว่า “ขาขึ้น” ดังนั้นการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค จึงใช้กราฟ และเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ เพื่อแยกแยกสภาวะแนวโน้มของราคาหุ้นในอนาคต ว่า มีแนวโน้มเป็น “ขาขึ้น” หรือ “ขาลง” หรือ “ออกข้าง”

            นักลงทุน ที่จะเก็งกำไร โดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค จึงต้องหาเครื่องมือทางเทคนิคที่ตนเองใช้ได้อย่างชำนาญ เลือก Time Frame ที่ตนเองจะใช้ในการวิเคราะห์ สัญญาณซื้อ-ขาย ให้เหมาะสมกับสไตล์ของตนเอง เลือกหุ้นที่ เหมาะกับแนวทางของตนเอง และมีวินัยวางแผนในการลงทุนอย่างรัดกุม

            จากภาพ แสดงภาพกราฟเปรียบเทียบ Market Price และ Intrinsic Value ของราคาหุ้น ของกิจการที่มีการเติบโตในอนาคต ภาพแบบนี้เรามักจะพบเห็นอยู่เสมอ เพราะ Intrinsic Value จะมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นไปตามผลประกอบการของบริษัท ที่มีการออกรายงานผลประกอบการมาทุกไตรมาส แต่ Market Price กลับเคลื่อนไหวตามความคาดหวังของนักลงทุนในตลาด


ภาพเปรียบเทียบ Market Price และ Intrinsic Value