Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อีกา...ไม่เคยบินมา 3 ตัว ... Never have only 3 Crows

...  .ในสัญญาณทาง เทคนิคอล ในการดู CandleStick Pattern ... มีรูปแบบหนึ่ง ที่ ผมมักจะถูกใจเป็นพิเศษ ถ้าได้พอเจอเมื่อไหร่ ... จะถูกอกถูกใจ ...ในหายนะ ที่กำลังจะเกิด ....
 .... อ้าว!! ไหงงั้นล่ะ ... อ่านไม่ผิดครับ ...หายนะ .....
.
.... ผมกำลังพูดถึง การเห็น "อีกา 3 ตัว"... หรือ 'Three Crows'
.
         พวกเราคงอาจจะเคยดูการ์ตูนต่างประเทศ หรือหนังคาวบอยย้อนยุค ที่จะมี อีกา มาเกาะต้นไม้ ในบริเวณที่จะมีการตายของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น    “อีกา 3 ตัว” รูปแบบนี้ เป็นการเกิดสัญญาณหายนะ ที่จะส่งให้แท่งราคาในกราฟ ลงต่อเนื่อง

         ลักษณะแท่งเทียนในสมัยที่เป็น สีขาว-ดำ แท่งเทียนสีดำก็ คือแท่งเทียนสีแดง ที่ราคาวิ่งลงในปัจจุบันนั่นเอง เมื่อเจอลักษณะแท่งเทียนที่วิ่งขึ้นมาดีๆ แล้วก็ กลับตัวลงทันที แท่งยาวๆ 3 แท่งต่อเนื่อง เกิดเป็นแท่งเทียน สีดำ 3 แท่งยาวๆ ขึ้นมาบนกราฟ จึงถูกเรียกว่า อีกา 3 ตัว หรือ Three Crows

           ใครเห็น อีกา 3 ตัว ออกมา แล้วยังถือหุ้นไว้เต็มมือ ยังไม่ยอมขาย... เฮอะๆ... เตรียมถ่ายรูปสวยๆ แล้วจองศาลาไว้ได้เลย... เพราะว่า ......

      ................“ อีกา ไม่เคย บินมาแค่ 3 ตัว ”..............
.
.อีกา 3 ตัว มี 2 แบบ คือ Three Black Crows และ Identical Three Crows
.
.

          Three Black Crows จะพบในสภาวะที่ ราคากำลังวิ่งขึ้นมา แล้วราคาเปิดกระโดดเล็กๆ ... แล้วตบลงปิด Gap ...  แล้วขายลงตลอดทางจนจบแท่ง เกิดเป็น   อีกาตัวแรก 
          ส่วนอีกาตัวที่สอง และตัวที่สาม จะทำราคา เปิดในตัวแท่ง (body) ของแท่งก่อนหน้า แต่ทำราคาปิดต่ำลงกว่าจุดต่ำของแท่งก่อนหน้า (New Low)

            อีกา 3 ตัว แบบนี้ เป็นแบบธรรมดา หลังจากจบ อาจจะ Rebound ได้สูง (แต่ไม่ถึง High ของ อีกาตัวแรก) ก่อนลงต่อ และต่ำกว่าจุดต่ำของ อีกาตัวที่สาม ในที่สุด Three Black Crows แบบนี้ 
            ถ้าหากพบใน Weekly Chart ... เขวี้ยงทุกราคา ล้างพอร์ท ได้เลยครับ
.



              Identical Three Crows จะพบในสภาวะที่มี Panic Sell เกิดขึ้น เพราะว่าสภาวะราคาที่กำลังวิ่งขึ้นมาอย่างดูดีแล้ว  อีกาตัวแรก ก็มา ด้วยการ ... เปิดกระโดด แล้วทิ้งไหลลงมาปิด Gap ที่เปิด ....  แล้วไหลลงต่อเป็นแท่งยาว
             อีกาตัวที่สอง และสาม จะมีราคาเปิดที่ต่ำกว่า หรือใกล้ กับราคาปิดของ อีกาตัวแรก แล้วลงยาวตลอดทั้งแท่ง ข้อสังเกต คือ อีกาทั้ง 3 ตัว จะมี Volume ขาย ทะลักทะลาย ทั้งสามแท่ง

            หลังจาก อีกาสามตัว แบบ Identical Three Crows มีกับครบแล้ว ราคาอาจมี Rebound เล็กๆ 1-2 แท่ง หรือไม่มี Rebound เลยก็ได้ หลังจากนั้น อีกา จะมาเป็นฝูง... 


จ๊าก!!! The Hell Crowsฝูงอีกาจากขุมนรก ...






.

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บ่น มือใหม่ .... ให้เข้าใจ Technical .... ตอน 2

วันที่บันทึก วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2554
เป็นวันที่ Wave Rider ได้ On Air ทาง Money Channel ในรายการ "มือใหม่" เวลา 11.00- 11.30 น. ซึ่งจะออกอากาศ 2 วัน คือ วันที่ 20-21 ธันวาคม 2554 เวลาเดียวกัน

สนใจติดตาม ชมย้อนหลังได้ จาก รายการ มือใหม่ โดย เข้าไปที่ URL นี้
http://www.dcs-digital.com/moneychannel/program.php?listid=8
แล้วกด คลิก ไปที่ วันที่ 20, 21 ธันวาคม 2554 ได้เลย


ต่อเนื่องจากวันที่ 20 ธันวาคม ได้พูดคุยการใช้เทคนิคดู ESSO โดยใช้ EMA ในการบอกสัญญาณซื้อ-ขาย จบไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากนั้น ESSO พักตัวยาวนาน ถึง 1 ปี แล้วก็ แสดงอาการ Break Out ราคาวิ่งทะลุ Trend Line ด้านบนขึ้นไป กลายเป็น Continuous Pattern ที่เรียกว่า Triangle Flag
.

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บ่น มือใหม่ .... ให้เข้าใจ Technical .... ตอน 1

วันที่บันทึก  วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2554
เป็นวันที่ Wave Rider  ได้  On Air ทาง Money Channel  ในรายการ "มือใหม่" เวลา 11.00- 11.30 น. ซึ่งจะออกอากาศ 2 วัน คือ วันที่ 20-21 ธันวาคม 2554 เวลาเดียวกัน

MJ ทีนา ได้เชิญ ไปแนะนำมือใหม่ เข้าใจเทคนิค ผ่านตัวอย่างหุ้น ที่ ได้เกิด เหตุการณ์ ไปแล้วในอดีต
ยอมรับว่า ค่อนข้าง ตื่นเต้น ในระหว่างการถ่ายทำ  .... แต่ นั่งดู ตัวเอง ออกอากาศ มันยิ่งตื่นเต้น มากกว่า นั้น 5555+ + +  ...
.


..
.
.
ในวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ได้ยกตัวอย่าง หุ้น ESSO ในช่วงเวลา ตั้งแต่ เข้า IPO จนถึง ปี 2010 เอามาเป็น ตัวอย่างในการอธิบาย วิธีใช้ เทคนิค การจับ สัญญาณ ซื้อ - ขาย โดยใช้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ -- EMA -- Exponential Moving Average Line

... สามารถอ่านเรื่อง EMA ได้ จาก บทความ "ใช้ EMA หา Direction"  
http://waveridersclub.blogspot.com/2010/09/ema-direction.html

..... และ เรื่อง "เหตุเกิด ที่ เส้นค่าเฉลี่ยฯ ภาค 1 : ค่าเฉลี่ยอย่างที่ ใครๆ เขาก็รู้กัน"
http://waveridersclub.blogspot.com/2010/11/1.html
.
.


ใช้ ESSO มาเป็น ตัวอย่าง สนุกมาก เลย เพราะ MJ ทีน่า เคยทำงาน ที่ ESSO มาก่อนด้วย เลย คุยกัน สนุกเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ ตั้งแต่ ก่อนถ่ายทำ จนถ่ายในรายการ ก็ เป็น หุ้น ที่ มีสัญญาณ การ ซื้อ-ขาย ให้เห็นชัดๆ มากมาย ... เสียดาย ตัวอย่างดีๆ แบบนี้ ... เวลาในรายการก็ช่างน้อยเหลือเกิน  ... ไม่เพียงพอ กับ คนพูดมาก อย่างเราซะแล้ว   ......

ดังนั้น  .....
.
ดูตัวเองในรายการ แล้วทนไม่ได้ (ไม่ใช้ทนความอ้วนของตัวเองไม่ได้นะ)  มันยังอธิบายไม่หมด ก็เวลาหมด ดูแล้วมันคัน .... อยากอธิบายต่อให้จบ  ...   เอาวะ ... ขอ เอารายละเอียด ESSO มาอธิบาย สัญญาณซื้อ-ขาย กันให้เห็น กัน จะ จะ ตรงนี้ กัน ไป เลย  ... มา ดู ESSO กัน

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิกฤติเศรษฐกิจ...ภัยธรรมชาติ...โอกาสทำกำไร

... ปีนี้ 2011 เป็นปีที่หนักหนาสาหัสมาก ในการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการทั้งหลาย ... ตั้งแต่ต้นปี ชาวโลกก็พบกับวิกฤติ สึนามิ กระแทกญี่ปุ่น .. ระทึกขวัญกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกือบจะระเบิด
.. ซึ่งปัญหาก็เบาบางไปเมื่อเวลาผ่านไป.. แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอ .. ตามมาด้วย วิกฤติเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา และยุโรป กระทบลามไปทั่วทั้งโลก..
.. หลายกิจการ เริ่มต้องมองหาตลาดใหม่ เพราะกำลังซื้อในสองทวีปนี้ มันลดลงอย่างฮวบฮาบ ...
.. หลายประเทศ ยังต้องจับตาดู ปัญหาคราวนี้ อย่างใกล้ชิด ....
.. ตลาดหุ้น ทั่วโลกพร้อมใจกัน หัวปักลงมาอย่าง รุนแรง ....

.
...ในปีที่ผ่านมา  มีนักลงทุน สายพันธ์ใหม่เกิดขึ้นมากมายในตลาด ทั้งพวกแมงเม่า พญาปลวก... อนุบาลเทคนิคคอล... วีไอมือใหม่.. ชมรมห่านทองคำ... หรือ พวกไฮบริด ที่ใช้ทั้งพื้นฐานและเทคนิคคอลในการลงทุน ... และแม้แต่ตลาดหุ้นเอง ก็เกิดตลาดแบบใหม่ขึ้นด้วยเช่นกัน ....
.. ตลาดกระทิง (Bull Market) หรือ ตลาดหมี (Bear Market) เพียงสองอย่าง มันไม่พออีกต่อไปแล้ว เพราะตลาดแนวใหม่ ที่เกิดขึ้น มันโหดร้ายกว่านั้น ... นั่น คือ ตลาดแพะ (Goat Market) 
.... 
. . .
ตลาดแบบแพะ นั้น มันโหดร้ายกว่า เพราะมันไม่ใช่แพะธรรมดา แต่เป็น แพะภูเขา ... เจ้ามือในตลาด จะโยกซ้าย หลอกล่อขวา ต้อนหน้าต้องหลัง เขย่าเม่า ให้ แพะมึน แพะเมา .. แล้วพา แพะเดินตามขึ้นเขา ขึ้นดอยไป .. ไปโดนเจ้ามือ เชือด ให้ เลือดสาด ตายคา ยอดดอย หรือ ปล่อยให้ติดดอย เฉาตาย ซะอย่างนั้น..
.. ฮุฮุ ...ตลาดแพะ แบบนี้ มันจะเป็นภูเขาสูงต่ำ สลับไปมา มีทั้งภูเขาสูงมากบ้าง เนินเล็กๆ บ้าง บางช่วงก็อาจเจอทะเลสาบ หรือพาลงน้ำไปชมภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเล .. แต่ นั่นไม่สำคัญ เท่ากับตลาด แบบนี้ สุดท้าย มันจะหลอกล่อ "แพะ" ทั้งหลาย ให้ ขึ้นเขา ขึ้นดอย ... แล้ว หาทางลงไม่เจอ... .. ระวัง!!!! .... เตรียมตัวให้พร้อม ... ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ดูแผนที่ (กราฟ) และ GPS (อินดี้) นำทางให้ดี ...... ไม่อย่างนั้น .... คุณ ... คุณ .... และ คุณ .... อาจจะกลาย เป็น "แพะภูเขา" ..โดยไม่รู้ตัว ..... ^____^



วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

เหลียวหลังแล SET 1 ปี .. แล้วต่อไป ยังไง

... หลังจาก SET  ไหล ลง รุนแรง ราวกับว่า จะ โดด บันจี้จัมพ์ลงมา ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะดูจากกราฟ แล้ว มันเป็น Free Falling มาก คือ หุ้นหลักๆ แต่ละตัว หล่นรูด แบบไร้แรงต้านทาน ตลาดเอง ก็ลงแบบ ไม่มี Brake ... มันช่างเป็น ความรู้สึก ที่ท้าทาย ปน ความเสียวซ่าน ที่ ชีวิตนักลงทุน จะพบพาได้ ไม่มากนัก
...
.
. แต่ สิ่งที่ น่ากังวล ก็คือ นักลงทุนมือใหม่ หลายคน ที่ ไม่เข้าใจ หรือ มือเก่า บางคน ก็ยัง งงๆ เข้าไปรับซื้อกันอยู่หลายวัน ด้วยความคิด อะไร ก็ไม่รู้ .... แต่ในแง่ เทคนิคคอล เทรดเดอร์ แล้ว ... มันไม่ใช่เวลาเข้าซื้อแน่นอน ... เพราะราคา ที่หล่นลงมา มัน พายุ มีด ทั้งนั้น ... ไม่กล้า เอาพอร์ทเข้าไปรับหลอกครับ เลือดสาด แน่นอน...
... หลายคนที่ ได้ รับ การฟังบรรยาย จาก Wave Riders ไป ( อย่างน้อยก็ 300 คน ล่ะ) ... คงจะ CUT LOSS กันไปแล้ว เพราะ ทั้ง Safety Belt , Air Bag มันส่งสัญญาณ ไปหมดแล้ว
จนเมื่อวันพุธ-พฤหัส (21-22 ก.ย.)  สัญญาณ สุดท้าย ร่มชูชีพ (Parachute) ก็ส่งสัญญาณ ให้กระตุกร่มได้ แล้ว (เพราะ SET มันกระโดดลง จากเส้น EMA233 day)
.
.
.. หลายคน ก็ยัง ไม่กระตุกร่ม ยังกล้าๆ กลัว  สุดท้าย วันศุกร์ (23 ก.ย.) SET กระโดดบันจี้ จัมพ์ ลงเหวไปแล้ว  ... เป็นไง คราวนี้ ยืนติดดอย อยู่ปากเหว ... ลมเย็น วิวสวย ไม่กล้าโดดตาม กันเป็นแถว ได้แต่โวยวาย .. บ่นตัดพ้อ.. โทษฟ้าดิน.. หรือหาใครก็ได้มาเป็นแพะ... จะได้ สบายใจปลอบใจตัวเองไป ..
เอา น่า ... VI จำเป็น ..ก็ได้ ไหนๆ บางคน ก็จำเป็น ตอน ปี 2008 มาแล้วรอบนึง... รอบนี้ อีกสักที ก็ไม่เป็นไรหรอก ... ปันผล หุ้นไทย สูง ใช้ได้อยู่นะครับ... ถือไปๆ ... หลายบริษัทฯ ยังพื้นฐานดีมาก.. เติบโตในระยะยาว แน่นอน... ถือยาวไป อย่างน้อย อีก 12 เดือน ... แต่กว่า รถจะขึ้นดอยมารับ คงไม่ต่ำกว่า 15-18 เดือน... เอา จัดไป ยังไง ปันผลสูงกว่า ดอกเบี้ย... สู้ๆๆๆ ... คิดซะว่า ย้ายที่ฝากเงิน ... ยังไง ซะ ปีหน้า ปี 2012  .. ธนาคาร ก็ประกันเงินฝากแค่ ล้านเดียว อยู่แล้ว ....

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

กล้า หรือ กลัว ... ตอนไหน ดี

...  ราคาหุ้น วิ่งขึ้น ลง ตอบสนอง ความต้องการงานมวลชนในตลาด ..
แต่ความต้องการของตลาด เกิดจาก ความกล้า และความกลัว ของ นักลงทุน เอง
.. การติดตาม อารมณ์ ตลาด เป็นสิ่งจำเป็น ของ นักลงทุน แต่ นักลงทุน ส่วนใหญ่ ลืม ที่จะติดตาม อารมณ์ ของตนเอง .. ซึ่ง เป็น องค์ประกอบสำคัญ ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจ เป็นอย่างมาก ...
..
..  ความกล้า ที่เกิดจากความโลภ .. กล้าที่จะซื้อหุ้น ในราคาสูง .. กล้าที่จะไล่ราคา .. เหตุ เพราะเชื่อว่า หุ้นจะราคาสูงขึ้นไปอีก
.
... ความกลัว ที่เกิดจากความโลภ อีกเช่นกัน ที่ขายหุ้นออกมา .. เพราะกลัวว่าหุ้นจะลง แล้วไม่ได้กำไร .. แต่ขายแล้ว หุ้นวิ่งขึ้นไปต่อ .. ก็มานั่งเสียดาย .. ว่าไม่น่าขายออกไปอีกเลย .. บางคน กลับเข้าไปซื้อใหม่ในราคา ที่สูงขึ้น.. โดยไม่เกรงกลัว ว่าซื้อแล้วหุ้น จะลง...
.
... ความกลัว ที่ไม่กล้าขายหุ้น เพราะกลัวขาดทุน หุ้นยิ่งลง ก็ยิ่ง ขาดทุน หนักขึ้น ... คราวนี้ ยิ่งไม่กล้าขายเลย ... เกิดอาการ Freeze .. หาเหตุผลต่างๆ นานา มาปลอบใจตนเอง ว่าถือหุ้นไว้ก็ได้ .... ใจจริงๆ แล้ว ถือได้จริง หรือว่า ทำใจให้ถือได้มากกว่า.... ^-^
..
..  ปัญหา คือ นักลุงทุน ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว ควรจะกล้าซื้อ กล้าขาย ตอนไหน .. กลัวที่จะซื้อ ตรงไหน..
..
.

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แนะนำ Application ดูกราฟ ราคาทอง บน MAC


ใคร ที่ใช้ MacBook อาจจะมีปัญหาเหมือน ผม ที่ จะดูกราฟ Real Time แต่ละทีต้องเปิด Parallel + Win7 แล้ว ค่อยเปิด กราฟ ราคาทองดู

ปัญหานั้นหมด ไป แล้ว เมื่อ ผมได้ไปเจอ Application : Trade Interceptor

ซึ่งเป็น App ที่มีหลากหลาย Platform ทั้ง บน PC, Mac, Linux ซึ่งเป็น Java Platform
มี version บน iPhone, iPad , Blackberry, Android, Window Mobile..

เพียงแค่ เข้าไป ที่ www.tradeinterceptor.com




.
แล้ว Click เข้าไปที่ Download ก็จะเห็น Java detection OK ก็แปลว่า คอมพิวเตอร์ ของคุณสามารถ รันโปรแกรม นี้ได้ คุณก็กด Download ได้เลย

.
ซึ่ง เมื่อ Download เสร็จ ก็ทำการ Installation ก็จะสามารถเข้า Application
เข้าไป ตั้งกราฟ ได้ ดังใจ อย่างที่เห็นในภาพนี้
.

.
.

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Clip How Pro Trading

ไม่มีอะไร ใหม่ ครับ
แค่คลิป ดีๆ ที่อยากเก็บ เอาไว้ดู แต่ไม่อยากดูคนเดียว เลยเอามาไว้แบ่งกันดูครับ

1. How The Pro's Trade Using Moving Average (MA) Technical Analysis



2. How The Pro's Trade Using Stochastic Technical Analysis



3.How The Pro's Trade Using MACD Technical Analysis



4. How The Pro's Trade Using Relative Strength Index (RSI) Technical Analysis



5. How The Pro's Trade Flags & Pennants Chart Pattern Analysis



6. How The Pro's Trade Rectangle Chart Pattern Analysis



7. How The Pro's Trade Symmetrical Triangle Chart Pattern Analysis



8. How The Pro's Trade Descending Triangle Chart Pattern Analysis



9. How The Pro's Trade Ascending Triangle Chart Pattern Analysis



10. How The Pro's Trade Head & Shoulders Chart Pattern Analysis



11. How The Pro's Trade Inverted Head & Shoulders Chart Pattern Analysis



12. How The Pro's Trade Double Top Chart Pattern Analysis


13. How The Pro's Trade Double Bottom Chart Pattern Analysis



14. How The Pro's Trade Rounding Bottom Chart Pattern Analysis


15. How The Pro's Trade Using Commodity Channel Index - CCI Technical Analysis


   สุดท้าย หวังว่า คลิป ชุดนี้ คงจะมีประโยชน์ กับนักลงทุนทั้งหลาย เพราะมัน มีประโยชน์ กับ ตัวผมเอง มาแล้ว
..
ปุกปุย

.
.









วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มา VOTE -- Thailand Blog Award 2011 กันหน่อยนะ

..
    ตอนนี้ Thailand Blog Award 2011 เริ่ม เปิดให้ VOTE แล้ว นะครับ
มาช่วยกัน เชียร์ กด VOTE ให้ด้วยนะครับ.....
..  เริ่มง่ายๆ เลย แค่  --> สมัคร --> ยืนยัน Mail แล้ว ก็ --> VOTE

ขั้นแรก สมัคร ก่อน REGISTER
ไป ที่ http://www.thailandblogawards.com/auth/register
.

.
   แล้วก็ สมัคร โดย ป้อนข้อมุล ชื่อ  สกุล , โทรศัพท์, อีเมล์ และ รหัสผ่าน  เท่านั้นเอง .. ง่ายมาก
. จากนั้น ก็จะปรากฎ ข้อความ ยืนยัน อย่างในรูป
.
.
.   แล้ว ก็เข้า ไป ที่ อีเมล์ ที่ กรอกข้อมุลไว้ ...
   จะเห็น อีเมล์ ที่ ส่งมาจากรายการ Thailand Blog Award 2011  ...
.
.เปิด อีเมล์ เข้าไปแล้ว ก็ ไป กด ที่ ลิงค์ ยืนยัน การสมัครเข้าร่วม ..
เท่านี้ก็สามารถ กลับ ไป Log In
เพื่อเข้าไป โหวต ให้ Wave Riders Blog ได้ แล้ว .... ไชโย .!!!

. พอ Log In ได้ แล้ว  ก้ไป ที่   http://www.thailandblogawards.com/blogs/show/20
.

...  มีคะแนน โหวตกัน คนละ 15 คะแนน  ....
กด โหวต กัน ให้ ด้วยนะครับ ... เอาเลย ... ช่วยกัน ..
.
.
.
.
ปุกปุย

ภาพตลาด ในมุมมอง ของ Wave Riders

ตลาดหุ้น ทำยอดสูงสุด ในหลายปี เท่าที่เคยเป็นมา
หลายๆ คน พากันเตื่นเต้นดีใจ ... พอร์ทเขียว
อย่าชะล่าใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้

.
.
ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ดูไป



.
ปุกปุย
.
.
.

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แว๊ด..แว๊ด..แว๊ด...ไม่ได้ว่าใคร..แต่ใช้วัด Volume

   ความเดิมจากตอนที่แล้ว แค่ดู Volume ได้ ก็ มันส์ แล้ว "   เป็นการให้ข้อสังเกต ของ Volume กับราคา ว่ามันน่าจะสัมพันธ์ กันอย่างไร เมื่อเราทำความเข้าใจ อย่างลึกซึ้งดีแล้วว่า ราคาหุ้น ที่ขึ้นลงในแต่ละวัน มันไม่ได้วิ่ง เพราะปัจจัยพื้นฐาน ของบริษัทมหาชนนั้นๆ แต่มันวิ่งตามอารมณ์ของตลาด.. จะเรียกให้ถูกก็คือ ราคา วิ่งตามใจของ มวลชนในตลาดนั่นเอง




“หุ้นจะหยุดลง เมื่อผู้คนหยุดขาย”
“หุ้นจะหยุดขึ้น เมื่อไม่มีใครอยากซื้อ”


  .. สองประโยคนี้ เป็น เครื่องเตือนสติอย่างดี ให้ นักลงทุน ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้  ....


แต่เจ้า Volume ที่เป็น กราฟ แท่งๆ มันจะบอกอะไร เราได้ ไม่มาก ก็แค่ปริมาณที่มีการซื้อขายในตลาดนั่นเอง  จากภาพ จะเห็นว่า ถึงแม้เราจะใส่ Volume ให้มีเส้นค่าเฉลี่ย ให้เปลี่ยนสีได้เมื่อมี Volume เพิ่มขึ้นหรือลดลง จากวันก่อนหน้า ... แต่ Volume ก็บอกแต่เพียง มีการซื้อ-ขาย กันมา หรือน้อย


แต่ มันไม่ได้บอกว่า "ซื้อ" มากหรือน้อย หรือว่า "ขาย" มากหรือน้อย


.


... แล้วถ้าเจอ แท่งราคา สั้นๆ  หรือ ติดต่อกัน ... แต่ Volume มาก และมากขึ้น .. ด้วยภาพกราฟ แค่นึ้ ไม่มีทางรู้เลยว่า ขายมาก หรือ ซื้อมาก กันแน่....
.
... ในความเป็น จริงแล้ว มี Indicator หลายๆ ตัวในกราฟเทคนิค ที่นักลงทุนด้วย เทคนิค ใช้ในการวัด กำลัง ของการซื้อ หรือ การขาย ของหุ้น หรือ ของตลาด


       โดยส่วนตัวชอบใช้ “แว๊ด” (VAD) 

      แล้ว VAD คืออะไร ..อ่ะ

      VAD ย่อมาจาก Variable Accumulation/Distribution หรือบางคนเรียกว่า WVAD มาจาก Williams’ Variable Accumulation/Distribution หรือ Williams’ A/D มันถูกคิดโดย Larry Williams (อ้างอิงจากหนังสือ :The Secret of Selecting Stocks for Immediate and Substantial Gains, 1986)

       แล้ว แว๊ด (VAD) มันใช้ทำอะไร คงไม่ได้เอามาร้อง ให้รำคาญหูแน่ๆ

      VAD ใช้วัด แรงซื้อ แรงขาย หากดูในภาพ จะเห็นว่า VAD เป็น เส้นที่วิ่งขึ้นลง ไปมาระหว่าง ค่าบวก ค่าลบ เป็นการแสดงสภาวะของราคาหุ้น หรือดัชนี ที่เรากำลัง ดูกราฟนั้น อยู่นั่นเอง
     


            VAD ค่าบวก บอกอาการขณะนั้น ว่า มีการ ซื้อ มากกว่า ขาย

            VAD ค่าลบ บอกอาการ ว่า มีการ ขาย มากกว่า ซื้อ 

             ง่ายๆ อย่างงั้น เลย !!!

             ในโปรแกรมดูกราฟ บางโปรแกรมที่สามารถปรับแต่ง parameter ของ Indicator ได้ เราก็จะสามารถทำให้ VAD ดูง่ายขึ้น ด้วยการตั้งค่า VAD จากที่เป็น เส้น (Line) ให้ กลายเป็น Histogram และตั้งค่าสี ให้มีการเปลี่ยนสีได้ กรณีในภาพนี้ ตั้งให้ VAD เป็นสีเขียว เมื่อเป็น ค่าบวก (ซื้อ) และเป็นสีแดง เมื่อเป็น ค่าลบ (ขาย)




         การใช้ VAD ยังมีวิธีในการดูสัญญาณ อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนเทคนิค ไม่วุ่นวายจากอารมณ์ตลาด เข้าซื้อถูกที่ ถูกเวลา ไม่ขายหมู เลิกติดดอยกัน เสียที.. โฮ้ว!!! อะไรจะเทพขนาดนั้น


วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทองคำราคาไหลลง อย่า งง ...

  เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ตลาด TFEX เปิดให้ เทรด Gold Future และ Silver Future  ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม ในคืนแรกที่เปิด เทรด .. ผมลองเปิดจอเข้าไปดู โอ้โห เปิด Long กัน ไม้ละ 20-100 สัญญา แรงจริงๆ ... ไม่ไหวๆ ขอดูลาดเลาอีกสัก 2-3 วัน ก็แล้วกัน
   ..
    .พอวันที่ 22 มิถุนายน 2554 กรีซ ได้โหวตต่ออายุการเงินของประเทศไปอีก 1 รอบ พร้อมๆ กับ เฟด ประกาศให้ข่าวแน่ชัดแล้วว่า ไม่มี QE3 แน่นอน .... เท่านั้นล่ะ ราคาทองคำ เริ่มไหลลงมาเบาๆ จาก 1554 Dollars/Oz  ลงมา คลอเคลีย ที่ 1545 Dollars/Oz ... คงจะไม่มีใครคิดว่าต่ำ คืนต่อไปจะเกิดอะไร ขึ้น เพราะ เย็นวันนั้น ผมยังเห็นหลายๆ ออเดอร์ เข้าไป เปิด Long ทิ้งไว้ ก่อนปิดตลาดมากมาย
    คืนวันที่ 22 จนถึงเช้า 23 มิถุนายน 2554 ราคาทองคำ ไหลลงมาเบาๆ Volume เบาบางมาก สุดท้ายราคาแทบจะไม่ขยับไปไหน แทบทุกบทวิเคราะห์ เขียนบอกว่า แกว่งตัวแคบๆ.... แต่ทว่า หลังจาก 6โมงเย็นไปแล้ว หายนะ ก็เกิด ราคาทองคำไหลลง อย่างรวดเร็วรุนแรง ตลาดทองคำ เทขายลงมาแบบ Non-Stop... (แ-่ง แกว่งโคตรแคบเลย)
เกิดเป็นแท่งแดงยาวๆๆ ..... BlackBerry ของผม Alert สีแดงวาบๆๆๆ เปิดขึ้นมา ต้องขยี้ตากันเลย Apps Kitco ทีใช้ดูราคาทองคำเป็นสีแดง ฟ้องว่า ลงไปแล้ว $1535...
....
.....        แบบนี้ อยู่ไม่ได้แล้ว ครับ กลับบ้านทันที ไม่รีรอ .... ถึงบ้านเปิด คอมฯ เปิด กราฟ ทันใด ....
แล้วก็ ... OMG!!!!! ... ราคาทองคำ ตก EMA15 แล้วมันเกิด DEAD CROSS ใน 60 นาทีด้วย พร้อมกับ MACD Divergent ชัดเจน ..
..
.... ใครจะทนไหว .. ร่วงแบบนี้ ไม่มีหวั่นไหว ...เปิด Streaming Pro ทันใด OPEN SHORT  ไปก่อนเลย
นั่งดูอยู่พักใหญ่ๆ ไม่ไหว แล้ว OPEN SHOT เพิ่มไปอีก แต่ คราวนี้ ตั้งไว้สูง กว่า 3 ช่อง กะว่า รอมันเด้ง
แล้วก็ไปจัดการภาระกิจ ส่วนตัว แต่กระนั้น ก็ ถือ iPhone ติดมือไปด้วย ....
พอใกล้ 3 ทุ่ม เปิด iPhone ดูอีกที ...... แม่เจ้า มันลงเละเลย .. ถ่ายภาพหน้าจอเก็บไว้ ทันใด ...

...
.. เดินกลับมาที่ คอมฯ อีกที ที่ ตั้ง SHORT ไว้ ต้อง ยกเลิก แล้ว เคาะต่อไปเลย แล้ว .....
.. สบายใจแล้ว ไปนอนได้ ....
.

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เก็บตกอารมณ์ กับการบรรยายแบบ 4 วันเป็นครั้งแรก

.. เพิ่งเสร็จสิ้นภาระกิจ จากการบรรยาย หลักสูตร เทคนิคคอล T01-T04 กับ S2M - Stock2morrow รุ่นแรก ไป ในวันที่ 28-29 พ.ค. - 4-5 มิ.ย. 2554 ที่ผ่านมา ...
... บอกได้คำเดียว ว่า ... สุดดดดด ยอด มากๆ .... ประทับใจกับหลายๆ อย่างมากมาย ...
... เหมือน ได้ ทำ ในสิ่งที่ ตั้งใจไว้ ว่าวันหนึ่ง จะได้ ทำแบบนี้ ... จัดไปเต็มๆๆ เลย ...


..
 ...​ย้อนกลับไป ช่วง เดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ได้ พบปะพูดคุยกัน ป๋าป้อม (Looking) ... ป๋าแพท...(ภาววิทย์) ... แล้ว เหมือนถูกชะตากัน .... ก็ได้ ตกลงรับคำ ทำหลักสูตร เทคนิคคอล 4 วัน สำหรับ นักลงทุนมือใหม่ ที่อยากจะเรียนรู้ เทคนิคคอล ในการนำมาช่วย ตัดสินใจในการลงทุน...
...
... แล้วก็ได้ กำหนดการสอน รอบแรก ออกมา ... 555 +  ก็ได้สร้าง ปรากฎการณ์ สะเทือน S2M ทันที  ที่ S2M โพส Update บนเว็บ ว่า T01-T04 @S2M เป็น Wave Riders  มาบรรยาย ...  รับ 100 คน ..ไม่ทันจะครบ 3 สัปดาห์.​คนสมัครจองเรียน เต็ม  .... จนป๋ากิ้ง ทนรับโทรศัพท์ ที่เข้ามาอ้อน ไม่ไหว ขยาย เป็น 120 คน ..
..
โอ้ว!!! ตายๆๆ ...​Wave Riders โดนกดดันทันที ...

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แค่ดู Volume ได้ ก็ มันส์ แล้ว

...หลังจากห่างหาย บทความใหม่ๆ ไป ระยะเวลา ... เพราะ ตลาดหุ้นช่วงนี้ ออกอาการ ประหลาด หลังจากประกาศ ยุบสภา (9 พ.ค.) ไปแล้ว ... หุ้นก็วิ่งกัน มันส์ ไปเลย  บางตัว ก็วิ่ง ขึ้น หลอกล่อ ให้ตาม ไป .. บางตัวก็ ตกเหว.. ชนิดที่เรียกว่า ตายตกตามกัน...
... เกิดสัญญาณ หลอก ทางเทคนิค มากมาย แหกตา เด็กเทคนิค ทั้งหลาย ให้ ดีใจ ไปอย่างนั้น เพราะ ไม่ว่าจะเป็น RSI, Stochastic มันพลิกกลับทางขึ้นกันมาหมดเลย  วันที่ 9-10-11 พ.ค. 2554 SET index ดีดกลับ จาก 1050 มาที่ 1100 อย่างรวดเร็ว จน บรรดา มือเก่า มือใหม่ ทั้งหลาย ออกมา เฮฮา ถ้วนหน้า...
... แต่ เครื่องมือ บางอย่าง ก็แสดง DIVERGENT ออกมาอย่างชัดเจน  .. เช่น MACD  ที่รอบนี้ SET ขึ้นมาแรง แต่ MACD ไม่มาด้วย .. แรงไม่มี ว่างั้น ....
..
.. แต่ใน Indicator บนกราฟ ทั้งหลาย มี 1 อย่าง ที่มาคู่กับราคา เสมอ คือ VOLUME - ปริมาณการซื้อขาย ที่ประกาศ พร้อมๆ ราคา อยู่ทุกวัน..  ยังไม่เคยพูดถึง .. Volume เลย ว่าดูยังไง ..จะว่าง่ายมันก็ง่าย นะ
แต่บางทีมันอาจจะง่าย เกินไป รึเปล่า จะ ไม่เห็นมีใคร เอามาพูดถึง ตอน ใช้วิเคราะห์ ในการเทรด จริง กันเลย ... อืม... นั่นดิ
.
. ก่อนจะไปรู้จักกับ Volume  ให้มากขึ้น มาทำความเข้าใจ ให้ลึกซึ้งกับ 2 ประโยคนี้ก่อน


“หุ้นจะหยุดลง เมื่อผู้คนหยุดขาย”
“หุ้นจะหยุดขึ้น เมื่อไม่มีใครอยากซื้อ”


.
... ราคา หุ้น ที่ขึ้นลงในแต่ละวัน ไม่ได้อยู่ ที่พื้นฐาน  หรือ ผลประกอบการของ บริษัทฯ
แต่ ราคาหุ้นที่ ขึ้นลง มันเป็นไป ตาม ความต้องการของ ผู้คนในตลาด ที่อยากจะซื้อ-และอยากจะขาย
ถ้าไม่มีคนอยากซื้อ และอยากขาย ในราคาเดียวกัน เกิดขึ้น หุ้นนั้นๆ  ก็ไม่สามารถเกิดการซื้อขายขึ้นได้
.
ดังนั้น การไหลลงของราคา อย่างรุนแรง มันแสดงถึง ผู้คนในตลาด เกิด อาการ "กลัว" อย่างรุนแรง
กลัวอะไร ???................กลัวไม่ได้ ขาย ไง จึง ยอมขายทุกราคา .... ลงมาต่ำแค่ไหน กรู ก็จะขาย...
.
.ในทางกลับกัน หุ้นที่ วิ่งขึ้น วิ่งขึ้น และวิ่งขึ้น อย่างที่ไม่เคยรอใคร ขึ้นทีเดียว กิน Offer ไปเลย 3 ช่อง.. ก็อาจจะเคยเห็นกัน ... นั่นเป็น อาการ ของผู้ตนในตลาด มีความอยากได้ หุ้นมากๆๆๆๆๆๆ
ราคาไหน มาเลย กรู หน้ามึดแล้ว ซื้อหมด .. ขึ้นสูง แค่ไหนก็ซื้อ เพราะ "กลัว" ......
กลัวอะไร ????................ กลัว ซื้อไม่ได้ ไง .... เลยแย่งกันซื้อ... แพงกว่าก็ซื้อ ....
.
.. . ทำไม ล่ะ เราปฎิเสธ ไม่ได้หรอกว่า นั่นเป็น เพราะ ความโลภ และความกลัว  ที่อยู่ในตัวคนทุกคน
GREED and FEAR ... อยากรวย..อยากกำไร...จึง "ซื้อ" ... กลัวขาดทุน กลัวกำไรน้อย.. จึง "ขาย"...
.
.. พอเถอะ บ่น ไปเรื่อยๆ ๆ จะเข้าสู่ บทธรรมะ จะกลายเป็น การ เทศนา ไป  จะออกนอกแนวทาง Wave Riders ไปซะก่อน...
.
.
VOLUME ของการซื้อขายในแต่ละวัน เมื่อมาอยู่ในโปรแกรมกราฟ มัน บอกอะไร เรา
.
VOLUME ก็ไม่เห็นจะบอกอะไร  ก็เป็นเพียง แท่งสั้น ยาว ในแต่ละวัน ... ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
.
. ถ้าอย่างนั้น ลอง ใหม่ ลองมาปรับแต่ง VOLUME ด้วยหลักการง่ายๆ ...
... เปรียบเทียบ Volume ของวัน ปัจจุบัน เทียบกับ 5 วันที่ผ่านมา ....
.. ถ้า Volume มากขึ้น กว่า 5 วันที่ผ่านมา แสดงว่ามีคนซื้อขายมากกว่าปกติ .... ดังนั้นถ้าในวันที่มีการซื้อขายมาก แล้ว ราคา ขึ้นเป็น แท่งสีเขียว ... ก็น่าจะเป็น ข้อสรุปได้ว่า "มีคนแย่งกันซื้อ"
และ ถ้า Vol. มาก แล้ว ราคาลง เป็น แท่งแดง .. ก็น่าจะ สรุปได้ว่า "มีคนแย่งกันขาย"

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

Nickie เสนอ Rules of Watts in Stock Trading

....เรื่องมาอยู่ว่า ผม ได้รู้จักกับ "Nickie Thanit" มือเทรดราคาทองคำ คนหนึ่ง ทาง FB นี่ล่ะ... คุยกันไปมา แลกเปลี่ยน มุมมองทางเทคนิคคอล กันมาหลายเดือนทีเดียว... เรามีมุมมองราคาทองคำสอดคล้องตรงกันบ่อยครั้งที่เดียว... เป็นความสนุก และเป็นความสุข อย่างหนึ่งเลยล่ะ ที่พบพานคนที่ คิดเห็นคล้ายกัน และมันก็ถูกต้อง เพราะเราต่างก็ ทำกำไร จากราคาทองกันมาแล้วหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง...
... มาอยู่วันหนี่ง Nickie ได้ โพส Note ไว้บน Profile ของตนเอง และผมได้เข้าไปอ่าน... ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อ นักลงทุน จริงๆ จึงได้ขออนุญาติ Nickie นำมาลงไว้ใน บล็อค ของ Wave Riders Blog ..จะได้เป็นประโยชน์ กับ นักลงทุนทั้งหน้าใหม่และเก่า ทุกๆ คน....
..
".....


Rule of Watts in Stock trading
by Nickie Thanit on Monday, April 18, 2011 at 1:58pm

      ผมได้อ่านหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนโดย Dickson G.Watts นักเก็งกำไรในตลาด New York Cotton Exchange เมื่อ 85 ปีที่แล้ว ท่านผู้นี้ร่ำรวยขึ้นมาจากมือเปล่าด้วยการเป็นนักเก็งกำไรราคาฝ้าย และในวัยสูงอายุได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ NYCE ในระหว่างปี 1878 - 1880 อีกด้วย

หนังสือเล่มนี้หายสาบสูญไปนาน แต่มันกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อ Edwin Lefevre ผู้เขียนหนังสือชื่อ Reminiscences of a Stock Operator ซึ่งเป็นชีวประวัติของ Jesse Livermore นักเก็งกำไรผู้โด่งดังในช่วงปี 1900-1930 กล่าวถึง กฏของ Watts ไว้ในหนังสือ

หนังสือเล่มนี้เป็น หนังสือที่มีขนาดเล็กมาก มันมีกฏทองของการเก็งกำไรเพียงไม่กี่ข้อ ซึ่งเป็นการสรุปจากประสบการณ์การเก็งกำไรทั้งชีวิตของผู้เขียน ผมเห็นว่ามันมีประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นของเราได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเองด้วย อย่างไรก็ตาม มันเป็นหลักสำหรับการเก็งกำไรเป็นหลัก ต้องระวังเวลานำไปใช้กับการลงทุน เพราะแม้ว่าจะใช้ได้บ้างในบางส่วน แต่ไม่ว่าทั้งหมด

กฏของ Watts มีทั้งหมด 10 ข้อ
4 ข้อแรก เป็นกฏที่เป็นจริงเสมอ (Laws Absolute)

อีก 6 ข้อหลังเป็นกฏที่โดยปกติให้ยึดถือเอาไว้ แต่ในบางสถานการณ์ก็สามารถยืดหยุ่นได้ (Rules Conditional) 
ผมขออนุญาตเริ่มจาก Rule Conditional ทั้ง 6 ข้อก่อน

Rule Conditional #1 : การซื้อเฉลี่ย "ขาขึ้น" ดีกว่าการซื้อเฉลี่ย "ขาลง"

ธรรมเนียม ทั่วไปนิยมเชื่อว่าการเฉลี่ยขาลงดีกว่าเพราะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยลดลงเรื่อยๆ แม้ว่าสี่ในห้าครั้งที่เฉลี่ยขาลง ราคาหุ้นจะพลิกกลับขึ้นมา ทำให้มีกำไรได้ แต่จะมีอีกหนึ่งในห้าครั้งที่ ราคาหุ้นลงแบบถาวรไม่กลับขึ้นมาอีกเลยตลอดไป ซึ่งจะนำไปสู่การขาดทุนมหาศาลได้

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ทบทวนราคา น้ำมัน ... มันจะแพงไปไหน... Crude Oil Price 2011

.. Crude Oil Price คือ ราคา น้ำมันดิบ ที่ ช่วงที่ผ่านมา วิ่งขึ้น อย่างกับ มีองค์ เข้า...
มันเกิดอะไร กันขึ้น ตอนเดือนมกราคม ก็บอกว่าหน้าหนาว.. พอมาหน้าร้อน ก็บอกว่า มีสงครามในอียิปต์ ในลิเบีย... อะไรของมัน ... แล้วจริงๆ มันยังไงของมัน ก็ไม่รู้
..จากที่เคย ทำกราฟ ราคา น้ำมันเก็บไว้ ดู ในระยะเวลาที่ผ่านมา ... เอามาทบทวนกันสักนิดว่าเกิด อะไร ขึ้น บ้าง
.
ภาพแรก 25-10-2010 , Day chart
ก็ลอง Label WAve ไว้ เล่นๆ เอาไว้คาดการณ์.. ตอนนั้น ราคน้ำมัน ยังแค่ $82 เอง แต่มีแนวโน้ม วิ่งขึ้นอย่างชัดเจน
.
.
.





ภาพที่สอง 07-01-2011 , Week Chart
ในภาพนี้ ราคา ใน week สุดท้าย ราคาขึ้นมา $91 แล้วไหลลงมาถึง $87.60 แล้ว  MACD ในภาพรวมแสดงการไหลออกข้าง ช้าๆ แบบค่อยขยับขึ้น
ใน Week สุดท้าย MACD ลงมาตัดเส้น Signal และ Stochastic ค่า %K ตัดลงใต้ %D แล้ว ทำให้ดูว่า อาจจะมีการย่อตัวลงมา และในที่สุดก็จะกลับขึ้นไป ใหม่..... น้ำมันแพงอีกละ


วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ปาฏิหาริย์ แห่งการซื้อเฉลี่ย - Miracle of Average Buying

...  ในตลาดหุ้น .. เรามักจะพบคำๆ นี้ อยู่กันเป็น ประจำ ... "ซื้อเฉลี่ย" ..
.. ไม่รู้ใครเป็นคนคิด คำๆ นี้ ไว้ นะ แต่ มักมีอาการ เป็นกัน ตอน Panic .. ลงแรง ลงเร็ว .. มีหุ้นอยู่ตกใจ ทำอะไร ก็ไม่ถูก .. ขาดทุน แต่ไม่ยอมขายขาดทุน ... แต่มีเงินอ่ะ จะทำไม ... งั้นกรู ก็ซื้อเฉลี่ยให้ทุนมันต่ำ ซิ...
... เอาล่ะ สิ ซื้อมันเข้าไป ยิ่ง ซื้อ มันก็ยิ่งลง .. ทำไงดีฟะ  .. เอาน่าเดี๋ยวมันก็ขึ้น ใครๆ ก็บอกว่าหุ้นมันดี ..กิจการเยี่ยม มีข่าวไปซื้อกิจการที่นั่นที่นี่ ... กัดฟัน ลงมา ซื้อมันเข้าไป ... ซื้อมันจนเงินหมดตัว
ตอนประชุม สามัญ ประจำปี บริษัทฯ เชิญไปเป็น VIP เป็นผู้ถือหุ้น รายใหญ่....
ก็ดูดีไหม  .. วิธีนี้ .... .. อ่านมา ถึงตอนนี้ บางคนคิดในใจ .. "กรูเลย.."  ... ก็ได้หุ้น ถูกราคาดีนะ..
ถือกินปันผล ไป 3 ปี ยังไม่กล้าขาย เพราะทุนเฉลี่ยต่ำกว่าราคาตลาด .... ครึ่งต่อครึ่ง...  เศร้า..
ได้แต่ปลอบใจ ตัวเอง ... ลงทุนระยะยาวไง .. เอาน่า ปันผล ตั้ง 4% ดีกว่า ฝากธนาคารตั้งเยอะ.....
.
.
.... ถามจริงๆ เถอะ  .. จะเป็น VI ทั้งที่  .... วางแผนเป็น VI ตั้งใจเลือกซื้อหุ้นดีๆ เติบโตในระยะยาว  .... ดีกว่า เป็น VI จำใจ แบบที่เล่ามา   .. เถอะนะ..
.
... แล้วที่เล่ามา มันเกี่ยวยังไง กับ  ซื้อเฉลี่ย ละเนี่ย
.

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

กฎ24ข้อ โดย วิลเลียม ดี กันน์

....  อ่านมาจาก Stock2morrow แล้วชอบ เลยขอ Copy มาไว้ ครับ ....
http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=19933
.
.

กฎ24ข้อ
โดย วิลเลียม ดี กันน์

45ปี ในวอลล์สตรีท

ย้อนรอยศึกษาอดีตของตลาดหุ้น ในปีแห่งการแตกตื่นในคศ.1937และปี1942 และปีแห่งกระทิง1946 ด้วยกฎแห่งเวลาและกฎแห่งความเป็นไปได้ด้วยข้อมูลที่บันทึกไว้ เพื่อศึกษาหาแนวโน้มความเป็นไปของหุ้น


1.จำนวนเงินที่จะลงทุน: ให้ทำการแบ่งวงเงินในการลงทุนออกเป็น10ส่วนเท่าๆกัน และอย่าเสี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงมูลค่าเกินกว่า1ใน10ในการลงทุนครั้งใดๆในพอร์ตของคุณ พูดง่ายๆว่า อย่าซื้อหุ้นเสี่ยงๆมากเกิน10%ของพอร์ตคุณนั่นแหละ แต่ถ้าอยากเล่นๆแบบกระตุ้นหัวใจ ก็เอาได้แต่อย่ามากเกินกว่าที่กำหนดนัก

2.อย่าลืมที่จะใช้วิธีป้องกันกำไรหดหายทุกครั้ง ด้วยการทำกำไรบ้างไว้ก่อนเมื่อหุ้นที่คุณถือสามารถทำกำไรได้ไปตามเป้าหมายที่คุณวางไว้เป็นขั้นๆไปได้เกินกว่า3-5ขั้น

3.อย่าลงทุนมากกว่าพอร์ตคุณเอง เพราะมันเป็นการฝ่าฝืนกฎการลงทุนอย่างรุนแรง พูดง่ายๆ อย่าเล่นเกินตัว

4.อย่าปล่อยให้กำไรหายไปจนกลายเป็นขาดทุน หลังจากที่คุณสามารถที่จะทำกำไรไปตามเป้าที่วางไว้3จุดขึ้นไป ให้ทำกำไรไปบ้าง แบ่งให้คนอื่นรวยบ้าง เพื่อรักษาเงินต้นให้คงอยู่ไว้ก่อน เหมือนสาวๆ ตัดไว้ก็พอให้เหลือเยื่อใยไว้ก่อน เผื่อรีเทิร์น

5.อย่าฝืนแนวโน้มของหุ้น อย่าซื้อหรือขายหุ้นที่คุณไม่แน่ใจในแนวโน้มของมันจากการศึกษาข้อมูลที่มีอยู่เด็ดขาด

6.เมื่อใดก็ตามรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย ให้ทิ้งหุ้นนั้นซะ หรือถ้าไม่มีก็อย่าเข้าไปยุ่งนะ มันก็เหมือนสาวๆนั่นแหละน่า

7.ให้ซื้อหุ้นที่ตลาดเค้าเล่นกัน อย่าไปซื้อไอ้ตัวที่มันเงียบๆนิ่งๆ เพราะคุณอาจจถูกขังได้ เหมือนโดนสาวหลอก เสียเวลาเปล่าๆ

8.พยายามกระจายความเสี่ยงให้เท่าๆกัน ถ้าได้...ให้ลงทุนในหุ้นซัก4-5ตัว อย่าทุ่มอยู่ในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งทั้งหมด จะคบกันก็เผื่อๆใจไว้หน่อย อย่าทุ่มให้เธอหมดใจ....หมายถึงหุ้นน่ะครับ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

8 Steps : ทำไว้.. จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง (Step 7 - 8) (จบ)

.. .... .. หลังจากเข็น 6 STEP จากทั้งหมด 8 STEP ออกสู่โลกภายนอกอย่างยากเย็น .. กลับได้รับการตอบรับกันอย่างท่วมท้ม จนต้องพยายาม เข็น STEP 7 -8 ซึ่งเป็น โค้งสุดท้ายของ " 8 Steps : ทำไว้..จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง"   ...
.... ก็ตาม ชื่อเรื่องกันเลย ... เพราะถ้าทำกันขนาดนี้ แล้ว มันยัง ติดดอย ... เทรดผิดลู่ผิดทาง เสียหายทีละมากๆ ก็เลิกลงทุนในตลาด นี้ เถอะครับ .... 
... . . .อย่างที่ ย้ำกัน มา ก่อนหนัานี้ ทั้ง สองภาคแล้ว ว่า  บทความชุดนี้ ไม่ได้ ต้องการให้ทำตาม แต่เป็น เพียงตัวอย่าง.. ให้นักลงทุน ได้นำกลับไปคิดค้น ค้นหา ระบบ และวิธีการที่เหมาะกับตนเอง ในสไตล์การลงทุนของตนเองจริงๆ . . . 
... ในการลงทุน ใด ๆ ก็ตาม มันต้องมีการศึกษาข้อมูล ต้องมีการวางแผนรับมือกับสถานะการณ์ หลังจากลงมือแล้ว มันต้องมีการติดตามประเมินผลการลงทุน ....
...  ประหนึ่ง การเข้าสู่สนามรบ ... ต้องมาการศึกษาข้อมูลชัยภูมิ ข้อมูลคู่ต่อสู้ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก สภาวะจิตใจของแม่ทัพของข้าศึก ว่า มีสไตล์การรบแบบไหน .. ชอบลาก ชอบโยกเขย่า ให้เสียขวัญไหม... กำลังหนุน ทรัพยากร เป็นยังไง... แล้วเราจะต้องมากำหนดยุทธวิธีรบ กลศึกในการ รับมือกับสถานะการณ์ต่างๆ ที่อาจพลิกผันได้ ตลอดการรบ.... เหล่านี้ ก็ไม่ต่างจากการเตรียมตัวก่อนการลงทุน ที่ได้ กล่าวไปใน STEP 1 - 6 ที่ผ่านมาแล้ว....
...... ในชุดสุดท้าย นี้ เมื่อเรา เตรียมทุกอย่างเพียบพร้อมแล้ว .. ก็คงจะถึงคราวที่ จะเข้าสู่สนามรบจริงๆ กันแล้ว..ดังนั้น ใน STEP 7-8 ที่เหลือ ก็จะเป็น ช่วงของการเข้า เทรด จริงๆ แล้ว และการจัดการหลังจากเทรดแล้วเสร็จ ... ดั่งคำที่ ว่า "สงครามยังไม่จบ .. อย่าเพิ่งรีบนับศพ" ... แน่นอน ว่า เมื่อสงครามจบ ก็ต้องนับศพ สรุปผลการรบและความสูญเสีย กัน....
....  ดังนั้น ใน STEP 7 จะว่า เกี่ยวกับ การเข้าซื้อ , การติดตามผล , การปล่อยให้กำไรเติบโต และการตัดความเสียหาย หาก ไม่เป็นไปตามแผนที่เราต้องการ....
.... และ STEP 8 จะว่าเรื่องการ นับศพ หลังสงครามจบ .. ก็คือ การสรุปและ วิเคราะห์ผล หลังจาก เทรด จบแล้ว เพื่อดู ข้อผิดพลาด ที่จะ ต้องนำไปพัฒนาตนเองต่อไป
.
.

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

8 Steps : ทำไว้.. จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง (Step 5 - 6)

... จากบทความก่อน เกิดจากการ ที่ ถูกถาม บ่อยๆ ว่า " .. เลือกหุ้น ยังไง .. ? " 
ก็เพียงเอา วิธีการ ส่วนตัวมาเล่าให้ฟัง .. เท่านั้น ... บางคนอาจจะ มีวิธีที่ดีกว่านี้  .. บางคน อาจะใช้เครื่องมือ ที่มันสะดวกกว่านี้ .. อาจจะมี Auto Script ให้สัญญาณ ซื้อ ขาย ได้ ทันที สบายๆ ..
บางคนอาจจะคิดว่า วิธีนี้ ใช้เวลาเยอะเกินไป .. หรือ มันดูไม่เร้าใจ ...
อยากจะบอกว่า แต่ละคนก็มีวิธีการ ที่จะทำให้ ตนเอง มีความมั่นใจในการ เทรด แตกต่างกัน ใครถนัดอย่างไร ก็ใช้วิธีอย่างนั้น ... ในบทความที่ผ่านมา เพียงเสนอมุมมอง อีกด้านที่เป็นเบื้องหลังการทำงาน.. การทำการบ้าน ก่อน เทรดเท่านั้น... จะได้เป็นส่วนจุดประกายความคิด ของผู้ที่ยังไม่มีระบบการเทรด ของตนเอง จะได้ต่อยอดความคิด แล้ว พัฒนา ระบบการเทรดในแบบของตนเอง ขึ้นมา ....
.
.... จาก Step 1 - 4  นั้น เป็นเพียงการเลือกหุ้น เตรียมหุ้น และเตรียมตัวก่อนเทรด เท่านั้น ... มาเพียงครึ่งมาเท่านั้นเอง ...​ อีกครึ่งทางที่เหลือ จะเป็นขั้นตอนในการเทรด .. ซึ่งขอนำเสนอ ให้เป็นตัวอย่าง เพื่อให้ นำไปพัฒนาระบบเทรดของตนเอง.. ต่อไป
.

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

8 Steps : ทำไว้.. จะได้ไม่เจ็บใจทีหลัง (Step 1 - 4)

      มีเพื่อนๆ นักลงทุน ถามกันมาหลายคน ว่า "เลือกหุ้นยังไง " .. มานั่งๆ คิดดูว่า หลายคนคงจะมีปัญหาเหมือนกันว่า จะเลือกลงทุน อะไร อย่างไรดี .. พอโดนคำถามแนวนี้ ก็ต้อง มานั่งคิดว่า จะตอบอย่างไรดี...
จะไม่ให้คิดได้ไง ... ก็เขา ไม่ได้ถาม ว่า " เลือกหุ้น อะไร ดี..?? " .. ซึ่งมันเป็นคำถาม ที่ไม่อยากตอบมากที่สุด เพราะหุ้นแต่ละตัว มันดีของมันทุกตัว ไม่งั้นมันไม่ได้รับเลือกเข้ามาเป็น "มหาชน" หรอก ... บริษัทฯ ที่จะมี (มหาชน) ต่อท้าย มันไม่ใช่ ใครก็มีได้ .. มันต้องมีการถูกคัดเลือก มาอย่างดีแล้ว ทั้งนั้น...
ดังนั้น หุ้น ในตลาด มัน จะ "ดี"  ในเวลาของมัน ... เคยตอบไปว่า ".. หุ้นในตลาด ดีทุกตัว.." กลายเป็นว่า โดนข้อหา "กวนบาทา.. ไปซะงั้น"
    กลับมาที่ คำถาม ที่ถูกถามบ่อย จนเป็น ประเด็น ของบทความนี้ ... ถามว่า " เลือกหุ้นยังไง..ดี ?? "
... เชื่อว่า แต่ละคน ก็คงจะมีวิธี เลือกหุ้น ที่สนใจจะลงทุน ในสไตล์เฉพาะตัว ของแต่ละคน..
.. บางคนอาจจะเลือกหุ้น ตามข่าว .. บางคนก็เลือกหุ้นจากความคุ้นเคย ... บางคนก็อ่านบทวิเคราะห์พื้นฐานบ้าง..บทวิเคราะห์ เทคนิคบ้าง ..แต่คำถามที่ มักได้ยินบ่อย แล้ว ขอบอกเลยว่า ได้ยินทีไร เจ็บจี๊ดดดด ทุกที .... "..น้องๆ วันนี้เขาซื้ออะไรกัน..??.."  .... จี๊ดดดด มากเลย ... อยากเดินเข้าไปบอกมากเลยว่า เอาเงินกลับไปฝากธนาคาร ไว้อย่าเดิม หรือเอาไปซื้อหวย ยังดีกว่าครับ ...
.    ... เข้าประเด็นกัน เลย .." เลือกหุ้นยังไง..ดี ?? "
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ... สิ่งที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็น รูปแบบ เฉพาะตัวของ ผม คนเดียว ไม่มีผิด ไม่มีถูก ไม่ได้เอามาเล่า เพื่อให้ทำตาม  แต่เอามาเล่าให้ฟัง เพื่อให้เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ นักลงทุนจะได้เอาไปปรับให้เหมาะสมกับตนเอง เข้ากับจริตของตนเอง และให้รู้ว่า ... "..ถ้าคิดจะลงทุน มันต้องลงแรงด้วย.."
มีเงิน อยู่ในตลาดหุ้น มากมาย ... อย่าเดินเข้าไปเอาเงิน ด้วยดวงชะตา ด้วยการบอกเล่าของคนอื่น ...เรากำลังจะซื้อหุ้นของบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้น เป็น นักลงทุน.. ไม่ใช่เป็นนักพนัน ที่เข้ามาเสื่ยงโชค...
..

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

STOP.. STOP.. STOP.. LOST

... " ไม่มี จุด STOP LOSS .. อย่าเทรด.."  ..
.. " No Have Stop Loss Target , Do not Place Order. "
.
ท่องไว้ให้มั่น .. ย้ำกันให้ซึมลงไปถึง จิตใต้สำนึกกันเลยทีเดียว ...
.. แต่คำถามที่ตามมาคือ "..ตรงไหน ดี ?.. "  ".. กลัวขายแล้วมัน ขึ้นต่อ..."

อยากจะตอบใจจะขาด ".. ก็ตรงที่พี่ .. พอใจ.. ครับ.."  .. ก็เกรงว่า จะถูกข้อหา กวนบาทา ...
คือเลือก STOP LOSS ไปแล้วอย่ากลัว ครับ .. มั่นใจในตัวเอง .. เถอะครับ
เพราะถ้าหุ้นถอยแล้ว เราก็ขายไปแล้ว ...ก็ถือว่า เรา ตัดสินใจดีที่สุด ณ ขณะนั้นแล้ว "อย่าไปกังวลกับอนาคต ที่ยังไม่เกิด.."  "Do not Worry with The Future"
ถ้าขายไปแล้ว อีกวัน มันขึ้นต่อ.. ก็ไม่เห็นจะเป็นไร แทนที่ จะกังวลว่า "ขายหมู" มันก็คงจะไม่ได้ประโยชน์ อะไร เพราะกังวลกับ อดีต ที่ผ่านไปแล้ว เสียเวลาเปล่าๆ
กลับมาดู สัญญาณทางเทคนิค ในปัจจุบัน ขณะ นั้น ไม่ดีกว่าหรือ ... หากมันเป็น สัญญาณเข้าซื้อ เราก็ซื้อ แลัวก็ตั้ง STOP LOSS ครั้งใหม่ไว้ ...
มีคนชอบถาม  ".. เพิ่งขายไป .. จะให้ซื้อใหม่เลยเหรอ..ไม่รอให้มันถอยมาก่อนดีไหม...อยากได้แถวๆ ทุนเดิม"   .. .
.. อยากตอบมากเลยว่า เราซื้อ เมื่อเห็นสัญญาณ ซื้อ พอซื้อแล้ว ก็หา Stop Loss Target ไว้ด้วย
ไม่มีใครห้ามซื้อหุ้นซ้ำ หรอกครับ .. จะมีก็ตัวเรา นี่ล่ะ ที่มานั่งห้ามตัวเองไม่ให้ ซื้อหุ้นที่เพิ่งขาย เพราะละอายตัวเอง ที่เพิ่มปล่อยหมูออกมา....
.

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Update 17-02-2011 : ใครเงินถึงก็ลากได้

 วันนี้ 14-17 ก.พ. 2554 ตลาดทำภาพ ออกมา วิ่งขึ้น มีหุ้นหลายตัวมากมาย เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ของ ชาว Day Trade ... แต่เป็นภาพที่น่ากลัว ปนตกใจของ Medium-Term Trade อย่างเรา ..
การตบราคา มาเก็บของ แล้ว ลากกลับ ไปขายราคาดี แบบนี้ มันค่อนข้างน่ากลัว อยู่มิใช่น้อย..

ดูจาก ยอดสะสม ของ 1 - 17 ก.พ. 2554 แล้ว Foreign ยังซื้อสะสม ทั้งที่ เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ขายเกือบทั้งเดือน กันเลย ส่วนสถานะ TFEX ยัง เป็น Long สะสม อยู่ แต่ถ้าจะสังเกตุกันดีๆ พบว่า %Val. ของการเทรดอันมากมายนั้น ล้วนอยู่ที่ Customer คือรายย่อย นั่นเอง ที่ทั้งซื้อและขายกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่ต้นเดือนกุมภา... แล้วขายหมู ไป ถ้วนหน้า



วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เอางานเก่ามา เหล้า ใหม่ .. เมา เลย แถมล่าสุดไปด้วย

เอางานเก่าที่เคยทำไว้แต่ไม่ได้ใส่ใน blog มาให้ดูกัน เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ บ้าง 
ชุดแรกทำไว้เมื่อ 24 มกราคม 2554

ในภาพระดับ month. การถอยลงมา 13 เดือน แล้ววิ่งกลับขึ้นมา 26 เดือน ครบในเดือนมกราคม 2554 จึงเป็น cycle ที่จะละเลยไม่ได้เลย
 ..

ต่อไปในภาพระดับ week. แท่งราคาตัดลงมาอย่างรุนแรง ทะลุ เส้นเทรนที่พาดผ่านระยะเวลาถึงสองปี มันจึงเป็นการพักตัวครั้งสำคัญของตลาดหุ้นไทยที่จะไม่จบง่ายแน่นอน
.

เมื่อเปลี่ยนระดับลงมาเป็น day ก็ลองวัด ratio ไว้คร่าวๆแล้ว. ซึ่งก็พบแนวรับที่น่ากลัวและโหดร้ายกับ ตลาดพอสมควร
..

..
แนวรับแรกก็ 940   ณ วันที่ 11 ก.พ.2554 มันได้ทะลุไปแล้ว แต่กลับมาปิด ยืนได้ 
จึงยังต้องตามดูกันต่อไป
แนวถัดไปก็ 920-918  หรือแนวที่ลึกไปกว่านี้ก็ยังมี แต่เท่านี้ก็น่าจะโหดร้ายพอแล้ว

..
.

วันที่ 27 มกราคม 2554 ก็เป็นอีกวัน ที่ได้มีทำอะไรทิ้งไว้ 
.

.
น่าตกใจเหมือนกันที่ 950 มันไปตรงกับแนว161.8 รึว่า 900 จะเอาไม่อยู่ ....
..
.

มาดู ล่าสุดกันบ้าง
11 กุมภาพันธ์ 2554

.ตลาดหุ้นไทย ดูแล้ว น่าจะยังพักตัว อีกพอสมควร การที่จะได้เห็น 1000 จุด ใน Q1 คงจะเป็นเพียงโอกาสอันเลือนราง ..
.

.
.


ภาพรายวัน อันน่ากังวล ก็ยังมีอยู่มาก .. เพราะ จุดต่ำบริเวณ 940 +/- ก็เป็น โซนที่ อาจจะเกิดการกลับตัวได้... ถ้ากลับตัว ขึ้นไป ได้จริงๆ ก็คงจะไปได้ไม่ไกลนัก
แต่ถ้าลงต่อ ก็จะลงได้อีก หลายระดับเลยทีเดียว ไม่ว่า จะเป็น 920 , 908  หรือ ต่ำกว่า 900

ช่วงนี้ ใครไม่มีหุ้น อยากเล่นสั้น ก็พอมีโอกาสอยู่หลายตัว ก็ต้องดูเป็นรายตัวไปนะครับ
แต่ ใครที่ จะถือลงทุนยาวๆ รออีกสักหน่อยจะดีกว่า อย่างน้องก็ให้เป็น สัญญาณการกลับตัวที่ชัดกว่านี้
.
.
ปุกปุย


บทความ ที่แนะนำ






.
.