Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 กับ S50Z10

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 -- คงต้องเป็น วันที่หลายคงจะจดจำกันไว้อีก หนึ่งวัน ว่าเป็นวันที่พรรคการเมืองที่เก่าที่สุดของประเทศ ได้อยู่ต่อ... ไม่มีความเห็นสำหรับเรื่องนั้น..
แต่ วันนี้ เป็น วันที่คนในตลาดหุ้น ไม่เป็นอันทำอะไรกัน ไม่ดูทีวีก็ฟังข่าว การซื้อขายในตลาดช่วงเช้าเบาบาง มากๆ จนเหตุการณ์ต่างๆ ได้ดำเนินไปจนใกล้เที่ยง ถึงเริ่มมี Volume เข้ามาบ้าง
...และเมื่อ 14.00 น. ผลการพิจารณาออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อตลาดหุ้นเปิดภาคบ่าย อาการ PANIC BUY ของคนที่เข้าตะปบ ซื้อ.. ซื้อ.. ซื้อ.. กันไม่มี หยุดยั้งตลอดทั้ง ครึ่งบ่าย จนเมื่อปิดตลาด ผลก็คือ ปิด 1,009 จุด  บวกไป 17 จุดกว่าๆ เป็นต่างชาติขาย 834 ล้าน  รายย่อยขาย 94 ล้าน และสถาบันซื้อ 591 ล้าน บัญชี บล. ซื้อ 335 ล้าน
..
... เมื่อเป็น อย่างนี้แล้ว ต่อไป SET index จะเป็นอย่างไร?? บางค่ายก็บอกว่า จะทำ New High 1055 ไปเลย
.. จะเป็นอย่างไร ต่อไป ก็ต้อง ลุ้นกันต่อไป
..
..ใครจะวิเคราะห์ ยังไง น่าเชื่อถือแค่ไหน Wave Riders อย่างเรา ไม่เอาข่าว มาทำให้เป็น ไบแอส ในการเทรด อย่างแน่นอน
.. ต่อจากนี้ Wave Riders จะขอ เอาการบ้าน ที่ได้ทำมาระยะเวลานึง ออกมาแบ่งปัน ให้ได้ชมกัน มันส์
..
เรากำลังพูดถึง S50Z10
..จะเป็นอย่างไร ต่อ ไป เชิญ พิจารณาดูได้

.. แต่ ก่อนอื่นขอย้อนเวลากับไปให้ดู กัน ก่อน ว่าเป็นอย่างไร บ้าง

วันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤศจิกายน  2553 
.. เราพบว่า S50Z10 ใน ภาพระยะ 60 นาที ทำหน้าตา แปลกตา หรือจะคุ้นตา ก็ไม่รู้ ดูกันเอา เหมือนๆ จะเป็น HEAD & SHOULDERS อีกแล้ว
.. ก็จัดการ ตีเส้น Shoulder Line กับ Neck Line ตามวิธีการที่เคยคุยให้ฟัง ล่ะ ครับ
... ก็จะเห็นว่า บ่ายวันที่ 25 นี้ S50Z10 ทิ้งตัว ตัด Neck Line แล้ว
... ก็วาง Target LINE ด้วย Fibonacci Ratio ไว้ 3 แนว คือ 100% , 127.2% และ 161.8%
...
... จุดสังเกต ในภาพ จะพบว่า MACD ถึงจะยังไม่กลับตัว แต่ แสดงอาการ เหมือนๆ จะ Divergent ไปแล้ว เพราะ S50Z10 ลงมาต่ำกว่า 690 แล้ว แต่ MACD ลงมาน้อยมาก ยังไม่ถึง ครึ่ง ของ การลงมาที่ 678 คราวก่อนเลย .. ทำให้มองว่า น่าจะ เป็น MACD Divergent ได้แล้ว
..  ประกอบกับ Stochastic ต่ำมาก บอกอาการ ว่า พร้อมจบ Cycle Down
..  สรุปก็คือ หน้าตาแบบนี้ มันมีความพร้อมที่จะขึ้น  ยังไม่ได้บอกว่าจะขึ้นนะ แค่มีความพร้อมที่จะขึ้นเท่านั้น
..

..
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2553
..เราพบว่า S50Z10 ลงต่อเนื่อง แต่ไม่มาก มาหยุด ที่แนว 127.2% แล้วเด้งทันที แล้วกลับมา ใกล้ EMA5 แต่ไม่ยอมยืนบนเส้น แค่มาแตะๆ ไว้ ก็ไม่รู้ มันจะเอายังไง
..
..
..
... จากภาพกราฟ พบว่า MACD เริ่มมีการกลับตัวแล้ว ใน 3 ชม. สุดท้าย จนถึงปิดตลาด MACD แอบขยับ ขึ้น มานิดหน่อย และ Stochastic ก็เงยหน้ามาจ่อๆ ที่ 20 ซึ่ง โดยหลักแล้ว Stochastic ต้อง ขึ้นมามากกว่า 20 ถึง 30 จึงจะเรียกว่า ขึ้นจริง ...
... มันปิด ตลาด แล้ว มาจ่ออยู่อย่างนี้ ก็เลยไม่รู้เลย ว่า จะเอายังไง เรียกว่า กระอักกระอ่วน จะขึ้นก็ได้ จะลงก็ได้ .. แต่หน้าตาแบบนี้ ใคร Short ไว้ ยิ้มกริ่มแน่นอน
.. แต่ถ้าใครมาเห็น เส้น Target Line ที่ตีไว้แบบนี้ อาจจะ ยิ้มไม่ออกก็ได้ เพราะมันเข้า เป้าไปแล้ว ต่อให้ลงไปที่ 161.8 ก็อีกนิดหน่อย ยังไงก็น่าจะจบ
... ก็เริ่มฟุ้งซ่าน ต่อไป .. ถ้ามันจบแล้วขึ้นจริงๆ ก็แสดงว่า ไม่มี New Low แล้ว ซิ ... แล้วจะโดนตัดสินให้ยุบได้ยังไง ล่ะ
... แต่ถ้า ตัดสินว่า ยุบ .. หุ้นก็ต้องลง ต่อ มี New Low แน่นอน ...
.. ถ้า New Low ก็ต้อง ตัด H& S Scene นี้ทิ้งไปได้
.. เออ.  ฟุ้ง ซ่านดีจริงๆๆๆ เลย ตรู...
..
..
วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2553วันแห่งโชคชะตา ก็มาถึง เป็นวันที่ แทบจะไม่มีการเทรด เลย
..เปิดตลาดมา พวก ที่ขายไม่ทันวันศุกร์ หรือกลัวไม่ได้ขาย ก็ขายกันออกมาก่อน แต่ก็มี กองเชียร์ ให้ขึ้น มารับไปหมด  ดันเอาไว้ ยังไง ก็ไม่ให้ หลุด New Low ทั้ง Low 678 และ Low เมื่อวันศุกร์..
...เออ .. ดี คนดันไว้ นี่ คงจะรู้ เทคนิคดี นะ เพราะรู้ว่า ถ้า ปล่อยให้ New LOW พวก ขาเทคนิค ทั้งหลายโยนทิ้งแน่นอน... ไม่รู้ บังเอิญ หรือ มีคนทำ นะ Volume มันน้อย จะทำก็เห็นจะยากอะไร.
... จริงไหม.. เอ่ย..
พอ 11.00 เท่านั้น ล่ะ รีบ ซื้อกันใหญ่ สงสัย ท่านชวน จะพูดดี มีบอกใบ้ ให้ รหัสลับอะไร รึเปล่า ขาเทรด ทั้งหลาย มาดัก ซื้อเพิ่ม หลังเที่ยงกันหน้าดู .. ยังไงก็มีลุ้น... คงจะคิดกัน ว่าติดปลายนวมนิดหน่อย ให้ชีวิตตื่นเต้น แน่ๆ เลย .....
..
... พอเห็นเป็นแบบนี้ แล้ว ก็ ตี Down Trend line ไว้เส้นนึง เอาไว้เป็นหลักยึด เพราะ Stochastic มันกลับตัวแล้ว MACD ก็กลับตัวมาแล้ว มีแต่ Volume ที่ไม่เข้ามาเลย น้อยมากๆๆ น้อยกว่า ครึ่งเช้าของวันจันทร์ที่แล้วอีก เห็น Volume แบบนี้ แล้ว ไม่กล้า เหรอกครับ
... พิจารณา ในแง่ของ EMA ก็ยังไม่ผ่าน EMA15 เลย แล้ว EMA35 ก็อยู่แถวๆ Neck Line ...
ก็เลย ตัดสินใจ วางแผนไว้ว่า ถ้าบ่าย วิ่งขึ้น มาผ่าน EMA35 ผ่าน Neck Line ได้ ก็น่าลุ้น ล่ะนะ
แล้ว ถ้า ข้าม Down Trend Line  ที่ตีไว้ได้ มันคง ขึ้น แน่ๆๆ... เพราะมันจะเป็นการวิ่งข้าม EMA ทุกเส้นนั่นเอง
..
วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ครึ่ง บ่ายตลาดยังไม่ทันเปิด เลย ก็รู้ผล กันแล้ว จะเหลือเหรอ แย่งกันซื้อ ยังกะ แจกฟรี PANIC BUY ตะปบทุก OFFER  แอบเห็นหุ้น บางตัว โดนกินทีละหลายๆ ช่อง...
นานๆ จะได้เห็น อย่างนี้ สักที ก็เรียกว่า เขียวกันถ้วนหน้า ซื้อกันจนนาทีสุดท้าย ...
..

.... ที่กะว่า ข้ามอะไร แล้ว ยังไง มันข้ามหมดเลย ทุกอย่าง MACD ก็ขึ้นเหนือน้ำอย่างสวยงาม อีกด้วย
แล้วก็ไปยืนปิดเหนือเส้น Down Trend Line ที่ตีไว้อย่างสวยงาม พร้อมกับ SET Index ปิด HIGH
.. ..เรียกว่า ครบเครื่องตามตำรา วันถัดไป เปิด กระโดดแน่นอน..
...
.. มาแล้ว แล้วยังไง ล่ะทีนี้ ของก็มีแล้ว ... อืม เอาไงดี วะ.....
.. ก็ต้อง มาวางแผนกันล่ะ ว่าจะยังไงด่อไป ... มีของแล้ว จะออกของตอนไหนดี ..
... แน่ๆๆๆ อยากรู้เหมือนกัน ล่ะ ซิ ....
...
...
แผนการต่อไป
...
.. จากการนั่งดู นอนดู ตะแคงก็แล้ว เอา.. ง่ายๆ เลยนะ หน้าตามัน เหมือนจะเป็น W ตัวใหญ่ได้ วะ
เลย โพส ไปใน Facebook ว่า Double Bottom
..
.. ตอนนี้ ยังนึก SCENE อื่นไม่ออก นึกออก แบบเดียว ก็ ทำมันแบบเดียวไปก่อนแล้ว กัน
..
.. สมมุติว่า ถ้าเป็น DOUBLE BOTTOM จะเป็นยังไง
 ..เอา ตีเส้น ตีเส้น เลย ตี เข้าไป NECK LINE = 100%, BOTTOM LINE = 0%   แล้วก็ตี FIBONACCI RETRACE LINE
เสร็จ ก็ยก มัน ขึ้น ไป เอา เส้น 0% ไปไว้ที่ NECK LINE ก็ได้ TARGET LINE มาหลายระดับ
ดูแล้ว ความเป็นไปได้ ให้ ไว้ 2 ระดับ
  1. High เดิม มันตีแล้ว ได้ ที่ Special Ratio พอดี เลย แถวๆ 735-736
... บร้า จริงๆ แต่ไม่บอก นะ ว่า เท่าไหร่ ขอมีความลับบ้างนะ
  2. ยอด 100 % ก็ แถว ๆ 742-744 ล่ะ นะ
..

...  แต่สิง่สำคัญ ที่ สุด ที่จะลืมไม่ได้เลย ก็คือ มันจะเป็น อย่างนี้ ได้ มัน ต้อง วิ่ง ข้าม NECK LINE ให้ได้ก่อน .. ตอนนี้ ปิด ตลาด แล้ว มันยังไม่ข้ามเลย ถ้า เปิด เช้า แล้ว มัน ข้าม 710 ล่ะ ก็ ... เฮ่อะๆๆ ฮ่าๆๆๆ
ขำตกเก้าอี้ ตามแผน
... แผนรองรับ  ยามฉุกเฉิน ถ้ามัน ย่อลงมาแล้ว หลุด EMA15 สงสัยว่า จะต้อง ทิ้งไปก่อน ไม่เสี่ยง นะจ้ะ กำไรน้อยดีกว่า เจ๊ง.. นะ
...
.. ตั้งสมมุติฐาน แบบนี้ ได้ แล้ว ลอง ถอยหลังมาก้าวนึง มาดู ภาพ ใน DAY บ้างเผื่อจะเห็นอะไร มากขึ้น
.. โอ้ว !!! พบว่า...
..
.. พบว่า การเด้ง ขึ้นไป ครั้งนี้ คงจะไปได้ ไม่ไกล มากนัก ต่อให้ วิ่งได้ดี ทำ New High อย่างที่ ใครๆ คิดกัน ก็คงจะ ไม่สูงมากนัก ซึ่ง จะเป็น การทำให้เกิด สัญญาณ MACD Divergent ใน DAY FRame ก็ได้
นั่นหมายความว่า มันเป็นการขึ้นเพื่อลง ก่อน..
หลังจากลง ค่อยว่ากัน.. ว่า จะลงต่อไป เลย หรือ จะขึ้นไปใหม่... ไม่รู้หมือนกัน
ก้ให้มันขึ้นรอบนี้ให้เสร็จก่อนก็แล้ว กัน

... คำถาม ถ้าขึ้น จริง มัน จะขึ้นกี่วัน วะ
..
.. เป็น คำถาม ที่ดี มาก ... หลายคนคงตอบว่า ใครจะไปรู้ ได้
...
..
.. เอาน่า ลอง มาดู ความเป็น ไปได้  ย้ำ นะครับ ONLY POSSIBILITY ที่จะเป็น อย่างนี้
.. จงเชื่อในสิง่ ที่ ตนเองได้ พิสูจน์ แล้ว ไม่ต้องมาเชื่อ ผม นะครับ
... DO NOT BELIEVE ME, PLESE BELIEVE YOURSELF.
..

..พิจารณาจาก TIME Cycle และ Assumption of DOUBLE BOTTOM แล้ว
Apply with Rule of SYMMETRY แล้ว ว่า เวลาด้านขวา ให้เท่ากันด้านซ้าย (ซึ่ง จริงๆ อาจจะไม่เท่าก็ได้)
... ก็ถ้า มันเท่านะ IF TIME EQUAL.
.. ก็ตามภาพ เลยไม่ต้องอธิบายกันมากมาย เอาเป็น ว่า อีก 7วัน รู้เรื่อง
Day 1 = 29 Nov,    30 Nov, 1 Dec , 2 Dec , 3 Dec , 7 Dec. and 8 Dec . complete 7 Days of this UP TREND.
... มาช่วยกัน ติดตาม นะ ว่า จะเป็น ไปตามนี้ไหม
..
.. ย้ำ กันอีกครั้ง นี่ เป็น แผน ที่วางเอาไว้ ในการ เทรด ต่อไปมันเป็นเพียง ONLY POSSIBILITY ที่จะเป็น อย่างนี้
.. จงเชื่อในสิ่ง ที่ ตนเองได้ พิสูจน์ แล้ว ไม่ต้องมาเชื่อ ผม นะครับ




... DO NOT BELIEVE ME, PLESE BELIEVE YOURSELF.
... ถ้าเป็น ไปตามนี้ ก้ ได้ ตามนี้ ล่ะ
แต่ถ้า วิ่งๆ ไป ไว้ มัน หล่น EMA5 ใน DAY หรือ EMA15 ใน 60 min ... ผม Close Contract หนี ก่อนนะ
ใครไม่ปิด แล้ว ถือไปลุ้น รับ ความเสี่ยงไว้เองนะครับ
...
กำไร น้อย ดี กว่า .. เจ๊ง ครับ
..
..
โชคดี
ปุกปุย
..


บทความแนะนำ

  1. Sing a Song : Head-Shoulders-Knee and Toes ; Part 1
  2. กลับตัว ... กลับใจ ... จริงเหรอ
  3. ภาคปฏิบัติ : MACD Behavior Part 2 VS S50Z10

..
<-- Previous : เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2 : 5 อัศวิน EMA - ตอน สอง
   Next --> : เหตุเกิด อีกครั้ง ในวันที่ 1-9 ธันวาคม 2553 กับ S50Z10
.

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2 : 5 อัศวิน EMA - ตอน สอง

  หลังจาก พาไปพบ เพื่อนพ้อง EMA Knight ที่น่าสนใจไปแล้ว ทั้ง 3 คน เหล่า EMA Knight ทั้งสาม นั้น
เป็นกลุ่มกองหน้า  ที่จะใช้จริงในสนามรบของการเทรดดิ้ง (Wars of Trading) ซึ่งจริงๆ แล้ว เพียง สามคน นี้ เราก็สามารถ ท่องทะยานไปได้ ทั่วอาณาจักร แล้ว
  แต่ในตอนนี้ เราจะ แนะนำให้ รู้จักกับ EMA Knight อีก 2 คน ที่เหลือ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกองหลัง คอยดักเก็บพวก หุ้นเลวๆ ทั้งหลาย ที่ทะลุผ่านกองหน้ามาได้
..

อัศวินคนที่สี่  VIOLET SORCERER เป็นพ่อมดที่สูงวัย อายุ 90 - 100 แท่งเทียน คือสามารถเลือกใช้ระหว่าง  EMA9 - EMA100. โดยส่วนตัวชอบให้ขยับเร็วๆ ก็จะใช้เป็น EMA90 ใช้เส้นในภาพกราฟ เป็น เส้นสีม่วง
มีหน้าที่ ใช้พลังวิเศษในการชุบชีวิต (Revive) แท่งเทียนที่ สิ้นสติ จากการตก เส้นฟ้า EMA35.
    การที่แท่งเทียนตก EMA35 นั้นเป็นการบอกว่าแท่งเทียนเข้าสู่การ Corrective พักตัวแล้ว หลังจากนั้น แท่งเทียนจะ Panic Sale วิ่งเข้าหา EMA90 อย่างรวดเร็วและรุนแรง
    การที่แท่งเทียนวิ่งเข้าหา EMA90 นั้น เมื่อถึง EMA90 แล้ว จะมี 2 อาการ ตามความหนักหนาสาหัสของ ความ Panic
     ส่วนใหญ่ จึงใช้ EMA90 เป็น แนวรับ ที่สำคัญ ในการอยู่ หรือไปของแท่งเทียน ถ้าแท่งเทียน มาเด้งที่ EMA90 หรือ หลุดลงใต้ EMA90 2-3 แท่ง แล้วกลับมายืนได้ ก็จะเป็น การบอกใบ้ว่า จบรอบการลงชุดนึงแล้ว

    แต่ถ้าแท่งเทียน วิ่งทะลุ EMA90 ลงไปอย่างแรง หรือ นาน เกิน 3 แท่งแล้ว โอกาส ที่ แท่งเทียนนั้นจะกลับมา ร่าเริงอีก นั้น ค่อนข้างหายากมาก ที่พบส่วนใหญ่ ก็จะ ซึมๆ SIDEWAY หรือ ลงรุนแรง ต่อเนื่องไปเลย

    ในทางกลับกัน ถ้าแท่งเทียนที่ลงใต้ EMA90 ไปลึกๆ หรือ วิ่งอยู่ใต้ EMA90 นานมากๆ แล้ว มีการที่แท่งเทียนดีดกลับมาข้าม EMA90 จากข้างล่างขึ้นมาข้างบน จะเป็น จุดที่เรา ใช้ เป็น สัญญาณ ในการ "ซื้อ" ได้ เช่นกัน

..


..
และ

อัศวินคนสุดท้าย จะว่าเป็นอัศวิน ก็ไม่เชิง น่าจะเรียก ว่าเป็น GUARDIAN มากกว่า ขอเรียกชื่อว่า
The WHITE ROOK เป็น ศิลาเทพ ที่ เคลื่อนไหว ช้ามาก อายุก็มากมาย ถึง 200 - 230 แท่งเทียน คือสามารถเลือกใช้ระหว่าง  EMA200 - EMA230 ใช้เส้นในภาพกราฟ เป็น เส้นสีขาว
..



มีหน้าที่ เป็น ปราการด่านสุดท้าย ถ้าแท่งเทียนวิ่งลงมาผ่านได้ทุกด่านแล้ว ยังทะลุผ่าน The GUARDIAN White ROOK ได้ อีก ก็ หมดสิ้นความหวังแล้ว เลิกดูแท่งเทียนชุดนั้น ไปได้เลย






   อีกอย่างนึง ที่จะใช้ คือ ใช้ เป็น ตัวบอก Direction ระยะกลางของแท่งเทียนนั้นๆ ตามลักษณะความชัน (Slope) ของเส้น 
    ถ้า แท่งเทียน วิ่งได้แรง เส้นจะวิ่งขึ้น ในSlope ที่มีความชันมาก ด้วย
แต่ถ้า เส้น เริ่มปรับระดับลงมา จนเหมือนจะเป็นเส้นตรงไปข้างๆ จะหมายถึงการชะลอตัวของ แท่งเทียนด้วย เช่นกัน
..


.. อีกสักตัวอย่างนึง  
EMA230 NO Slope --> No Good for Trade 
SHOW SLOPE --> SHOW TRENDING
..

.. สุดท้าย การใช้ EMA ทั้ง 5 เส้น ต้องใช้ ประสบการณ์ ในการเฝ้ามอง แล้วสังเกตุ ความเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จริงๆ โดยส่วนใหญ่ ในการเทรด จริง เราจะใช้ เพียง สามเส้นแรก (EMA5, 15, 35) เป็นหลัก เป็น Major Signal ในการกำหนด จังหวะขาย ไม่ว่า จะเป็นการขาย Take Profit หรือ CUT LOSS ก็ตาม

..  ส่วน เส้น EMA อีก 2 เส้นนั้น ถ้าเป็น Trending ไม่ว่า จะเป็น UP Trend or Down Trend ก็ตาม จะไม่ค่อยถูกนำมาได้ใช้งาน แต่จะถูกใช้งาน ในสภาวะแพแตก PANIC หรือดิ่งนรก Red Bar มากกว่า  ใช้ เพื่อหาแนวรับ หรือแนวชะลอตัว
..   ที่สำคัญ ใช้เพื่อเป็น สัญญาณในการ "ห้ามซื้อ"    เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่ดูสัญญาณใดๆ เมื่อเห็น หุ้นที่มีพื้นฐานดี หรือ หุ้น ที่เคยทำกำไร มักจะติดกับดับความคิดตัวเอง พอราคาหุ้น ลงมาลึกๆ แล้ว ชอบ ถามกัน ว่า ลงมาเยอะแล้ว ซื้อได้ รึยัง แต่ต่อไปนี้ ก็ จะดูเป็น และน่าจะเลิกถามกันได้ แล้ว
.. เพราะถ้าเจอ หุ้น วิ่งลง เทขายลงมา แล้ว เป็นเมื่อก่อน EMA35 ใน Day รับไม่อยู่ คุณจะไม่กล้า ซื้อจนกว่า มัน จะดีด กลับ ไปยืน บนเส้น EMA35 ได้ 2-3 วันก่อนถึงจะเริ่มซื้อ หรือ ราคาหล่นลงไปลึกๆ ใกล้ EMA90 แล้วไม่หลุด EMA90  อย่างนั้นล่ะ ถึง จะกล้าซื้อ
..
มาดูกันเป็น ตัวอย่าง ในการใช้ EMA ทั้ง 5 แบบ ร่วมกัน ในการเทรด
...


.. คงไม่ต้อง บรรยาย อะไร เพิ่มเติม อ่าน เอาในภาพ ก็คงพอจะเข้าใจในการ นำ EMA Knight ทั้ง 5 ไปใช้ ในการทำศึก แล้ว นะครับ
..
โชคดี ทุกท่าน
..
ปุกปุย
..



 บทความแนะนำ
  1. เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2:  5 อัศวิน EMA - ตอนแรก
  2. เหตุเกิด ที่ เส้นค่าเฉลี่ยฯ ภาค 1 : ค่าเฉลี่ยอย่างที่ ใครๆ เขาก็รู้กัน
  3. ใช้ EMA หา Direction



.

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2: 5 อัศวิน EMA - ตอนแรก

     จาก blog แรกๆ เคยคุยไว้ถึง direction ใน Direction สำคัญนะ จะบอกให้
และก็เคย คุยไว้ถึงการใช้ EMA ใน ใช้ EMA หา Direction. แต่จริงๆ แล้ว EMA หรือ เส้น Exponential Moving Average นั้น ยังมีความสำคัญในการใช้งานอย่างอื่นอีก ซึ่งเปรียบไปก็สามารถเป็น อัศวิน ผู้พิทักษ์ พอร์ทของเราไว้ได้เป็นอย่างดีเลย
    การพิทักษ์พอร์ท นั้น 5 อัศวิน EMA ส่วนใหญ่  จะใช้ ช่วยตัดสินใจ ขาย  แต่จะ ไม่ช่วย ตัดสินใจ ซื้อ


    แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของอัศวินนั้น ต้องมีอายุ ที่เหมาะสม จึงจะใช้ให้ทำงาน ตามหน้าที่ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปกติอัศวินที่ถูกนำมาใช้งานบ่อยๆ นั้นจะมี 5 คนด้วยกัน ซึ่งจะมีอายุแตกต่างกันไป

อัศวินคนแรก เป็น ภูตตัวน้อย ซุกซน เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว อายุ 5-8 แท่งเทียน เท่านั้น คือ สามารถเลือกใช้ระหว่าง EMA5 - EMA8. แต่โดยส่วนตัวชอบใช้  EMA5 มากกว่า ในภาพกราฟ จะใช้เป็น เส้นสีเขียว


        มีหน้าที่ บินตามแท่งเทียน เพื่อคอยยืนยัน นิสัยของแท่งเทียนว่ายังดีอยู่ ให้เรามั่นใจอยู่ เสมอว่า พอร์ท ของเรายังมีกำไรอยู่ และแท่งราคายังพร้อมจะเหาะทะยานขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ
        ถ้าแท่งเทียน นิสัยดี ภูตน้อยสีเขียว จะอยู่ประคองด้านล่างยกให้ลอยขึ้นไปเรื่อยๆ  ดังนั้น แท่งราคา จะแดงจะเขียว อย่าไปสนใจ ตราบใดที่ แท่งราคายังยืน ปิด (Close) อยู่บน EMA5 ได้ ราคานั้นก็พร้อมจะขึ้นไปต่อได้
    
       แต่ถ้า แท่งเทียน นิสัย ไม่ดี กลายเป็นมาร สีแดง หัวปักลงมา แท่งเทียนจะอยู่ใต้ เส้น EMA5  ดังนั้นต่อไปนี้ เมื่อ มี อัศวินภูต EMA5 คุ้มครองแล้ว ต่อไปนี้ เลิก ขายหมู กันซะที นะ จ้ะ
 ..

..

อัศวินคนที่สอง เป็น อัศวินที่มีพลังร้อนแรง ที่มีเพลงดาบอันเฉียบขาด มี "CUT-LOSS SWORD" เป็น อาวุธประจำกาย อายุ 12-15 แท่งเทียน คือสามารถเลือกใช้ระหว่าง  EMA12 - EMA15. โดยส่วนตัว จะใช้ เป็น EMA15 ในภาพกราฟ จะใช้ เป็นเส้นสีแดง
        มีหน้าที่ ในการยับยั้ง การทิ้งตัวของแท่งราคา ใช้เป็นจุดในการตัดสินใจว่า จะถือ (Hold) หรือจะหยุด (Stop Loss)
        ถ้า แท่งราคามาที่ EMA15 แล้ว อัศวินแดงกระแทกให้เด้งกลับขึ้นไป ก็ยังพอลุ้นไปต่อได้ แต่ถ้าราคาไปไม่รอด ทิ้งตัวแรง แท่งราคาหลุดลงมาใต้ EMA15 แล้ว จะเป็นเวลาที่เราต้องให้ อัศวินแดง (Red Knight) ของเราใช้ CUT-LOSS SWORD ทำการ Stop Loss เพื่อหยุดขาดทุนในทันทีโดยที่ไม่ต้องไปหาเหตุผล ใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่า โหดเข้าไว้ ถ้าผ่านด่าน Red Knight ต้อง ฆ่าก่อน ถามทีหลัง


.

..


อัศวินคนที่สาม เป็น เทพรักษา SPIRIT HEALER ที่ผ่านกาลเวลามาหลายปี อายุ 25 - 35 แท่งเทียน คือสามารถเลือกใช้ระหว่าง  EMA25 - EMA35. โดยส่วนตัวจะใช้เป็น EMA35 มากกว่าในภาพกราฟจะใช้เป็น เส้นสีฟ้า


         มีหน้าที่ ในการโอบอุ้ม รักษาแท่งเทียน ให้สามารถมีกำลัง ฟื้นคืนจากการ อ่อนแรงลงมาได้ประหนึ่งเป็นผู้รักษา (Healer) พยาบาลการบาดเจ็บของแท่งเทียนให้หายจากการบาดเจ็บ
        ดังนั้น การที่แท่งเทียนตกเส้นสีแดง EMA15 แล้ว มักจะมาชะลอตัวใกล้ๆ เส้นฟ้า EMA35 เพื่อรวบรวมกำลัง กลับขึ้นไปใหม่ เป็นการพักรอบของชุดคลื่นของแท่งเทียนราคา
        แต่หาก แท่งเทียนตกลงมาแล้ว Healer EMA35 ก็รับไม่อยู่ (หมายถึง ใน Day Frame หรือเล็กว่า ตกเส้นต่อเนื่อง 2 แท่ง แต่ถ้าเป็น Week หรือ Month Frame ตกแท่งเดียวก็ได้แล้ว) จะถือว่า แท่งเทียนนั้นบาดเจ็บ เกินจะเยียวยารักษาเสียแล้ว ตายอย่างเดียว  ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนเทรนทิศทางระดับกลาง หรือเป็นการจบ wave ชุดหนึ่ง
    ถ้าจะให้บอกตรงๆ ก็คือ ถ้าตก EMA15 แล้วขายไม่หมด หรือ เผลอซื้อไปตอนไหน หรือจะอะไรก็ตามแต่ มีหุ้นอยู่   แล้วหุ้นนั้น ตก EMA35  ได้ 2 แท่ง สรุปเลยว่า "โยนทิ้ง" เท่านั้นเป็นทางออกสุดท้าย เพราะว่า ไม่มีทางรักษาแล้ว
...

...
ในภาพ จะพบว่า การตกเส้นฟ้า EMA35 เพียงวันเดียว แล้ว เด้ง กลับมายืนได้ ก็ยังลุ้นไปต่อได้
..
แต่ภาพนี้ มีการตกแส้น EMA15 บ่อยมาก ไม่ได้วิ่งอย่างต่อเนื่อง ยาวๆ มักพบว่า ถึงจะเป็นการวิ่งขึ้นของแท่งเทียน แต่จะเป็นการวิ่งขึ้นใน ชิ้นส่วนที่ เป็น Corrective Wave ทำให้ การเทรดทำได้ยากมาก
มือใหม่ ไม่แนะนำให้เข้าไปเล่น ครับ เพราะจะยาก และเข้าออกบ่อยเกินไป

..
แต่สำหรับ ชาว VI ที่อยากใช้ กราฟมาช่วย แนะนำให้ ปรับเวลา เป็น WEEK Frame จะช่วยทำให้ ดีขึ้น
ลองดู การใช้ EMA ช่วย VI Trader กันบ้าง เดี๋ยวจะมากบอกว่า ไม่ใช้ สไตล์ เรา มันเข้าออกเร็วเกินไป ชอบถือยาวกินปันผล
สำหรับ คนชอบถือยาวกินปันผล มันก็ต้องมีวันขายหุ้นออกมานะ คงไม่มีใครกอดหุ้นไปจนตายแน่นอน
อย่าลืมตัวครับ ว่า เราเป็นนักลงทุน ต้องลงทุนให้กิจการที่มีผลประกอบการที่ดี ไม่ใช่เจ้าของกิจการที่จะกอดหุ้นไว้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
สำหรับ พวกชอบกอดหุ้น ขอให้ ปรับ เวลาเป็น WEEK Frame ครับ แล้ว มีกฎให้ทำ 3 ข้อ หลังจากซื้อ
(เราบอกแล้วว่า อัศวิน EMA ไม่ช่วยตอนซื้อ แต่ช่วยตอนขาย)
 1. ไม่ใช้ ภูตน้อย EMA5
 2. ใช้ Red Knight EMA15 ทำหน้าที่ แทน  ภูตน้อย EMA5
      คือ ตราบใดที่ แท่งราคาไม่อยู่ใต้เส้น EMA15 ก็กอดเขาไว้แน่นๆ
      ถ้าแท่งราคา ตกให้เส้น EMA15 อาจจะขาย ลดพอร์ท ลงมาบ้าง ลดความเสี่ยง
3.  ใช้ EMA35 ทำหน้าที่ STOP LOSS
      ถ้า CLOSE หรือ แท่งราคา เกินครึ่ง แท่ง หลุดลงมาใต้ EMA35 ให้ ทำการ STOP LOSS ด้วยการขายให้หมดให้เร็วที่สุด  หรือ เราเรียกว่า "โยนทิ้ง" คือการขายทันที ทุกราคา ไม่มีการตั้งรอเด้ง
เพราะ ทันทีที่ แท่งราคา ลงต่ำว่า EMA35 แท่งราคาจะวิ่งลง อย่างรุนแรงเข้าหา EMA90 อย่างรวดเร็ว
...

...
จากภาพกราฟ มีสัญญาณเข้าซื้อ ตรง 52-55 และจนถึง สุดท้าย 120 กว่า ก็ยังไม่ มีการบอกให้ทิ้ง ตรงไหน เพราะไม่มีการตก EMA35 เลยแม้แต่ สัปดาห์เดียว ถึงจะตก EMA15 บ้าง ก็ เป็นการบอกให้ระวัง หรือ ลดพอร์ท

แบบนี้ นักลงทุนระยะกลางถึง ระยะยาว ก็น่าจะเล่นได้ง่ายขึ้น ... ลองดู ครับ
...
รู้จัก 3 อัศวิน กันไปพอสมควรแล้ว สำหรับ อีก 2 อัศวิน ที่เหลือ ค่อนข้างมีการใช้งานที่ ซับซ้อนกว่า
จึงตัดสินใจแยกไป อธิบาย ต่างหาก ดีกว่า สำหรับ บทความนี้ เอาแค่ 3 อัศวินนี้ก่อน
..
มาดูตัวอย่างกันอีก สัก ชุด จะได้เข้าใจ ยิ่งขึ้น
..

...
จากภาพ จึงขอเพิ่ม วิธีการเทรด เข้าไป เพื่อให้เห็น ชัดขึ้น ถึงการใช้งานจริงๆ ระหว่างการใช้ Trend Line Break out ประสานกับ EMA ทั้ง 3 เส้น
..

...
  สัญญาณ เข้าซื้อ รอบแรก Break out ที่ 22.50 ซื้อที่ 22.75 แต่ว่า 3-4 วันถัดมา ย่อตัวไม่ตกเส้นแดง EMA15 จึง กัดฟันถือไว้  ในที่สุด ตกให้เส้นแดง ที่ 24.75 ก็ขายออกไป  รอบนี้ กำไร 2.00
  แท่งเทียน วิ่งไปชน เส้นฟ้า EMA35 แล้ว ไม่ตก ได้รับการชุบชีวิต ให้กลับมาใหม่ บอกให้ให้ จับตารอบต่อไป
   สัญญาณ เข้าซื้อ มาอีกครั้ง Break out ที่ 25.75-26.00 ซื้อที่ 26.00  คราวนี้ ได้ EMA5 กุมารทองคุ้มครอบไปได้ หลายวัน ไม่ต้องลุ้น ให้เครียด เลย ระหว่างทางมี พักตัวมาทดสอบ เส้นแดง EMA15 อยู่บ้างแต่ CLOSE ของแต่ละวัน ไม่ตก เส้นแดง จึงไม่ขาย
   จนขึ้นมาถึง 38.0-39.0 ก็ยังยืนบน EMA5 ได้สบายๆ แต่วันถัดมาราคาก่อนเปิดตลาดโชว์ ไว้ต่ำมาก น่ากลัวจริงๆ ซึ่งในที่สุดก็ OPEN แล้ว ราคาอยู่ใต้ เส้นแดง EMA15 ทันที  โยนทิ้งทันที เพื่อ STOP LOSS ที่ 34.0  รอบนี้ จึงกำไร 8.0
..
เป็นเพียง 1 ตัวอย่าง ให้ ลอง เทรด กันดูจะรู้ว่า "รู้งี้" สนุกได้ แบบนี้ ตั้งนานแล้ว .....
..

ปุกปุย
....

เหล่าอัศวิน ผู้กล้า ในตำนานทั้งหลาย ที่คอยปกป้องพิทักษ์รักษา หอคอย (Tower) ปราสาท (Castle) เหล่านั้น ....
เปรียบได้กับเหล่า EMA Knight ทั้งหลาย ที่จะคอยติดตาม ล้อม แท่งเทียน ไว้ตลอดการเดินทาง เพื่อทำหน้าปกป้อง แท่งเทียนศักดิ์สิทธิ์ ของ Portfolio ของเรา ผู้เป็นราชาแห่งการเทรด ได้มีกำไรอย่างยั่งยืนตลอดไป....


..










..

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เหตุเกิด ที่ เส้นค่าเฉลี่ยฯ ภาค 1 : ค่าเฉลี่ยอย่างที่ ใครๆ เขาก็รู้กัน

  คนเรา ก็แปลก นะ อยู่ดีๆ ก็เอาหลักการ Demand & Supply เอามา ออกแบบเป็น การประมูลซื้อ-ขาย สินค้า พอมีคนมากๆ มารวมกัน ความต้องการซื้อ ต้องการขาย ก็เริ่มมีหลากหลาย ก็กลายมาเป้น การ จับคู่ราคา ของผู้ที่ต้องการซื้อ กับผู้ที่ต้องการขาย จนพัฒนากลายมา เป็น ระบบ Bid-Offer จากซื้อ-ขาย สิ่งที่จับต้องได้ ก็พัฒนามาเป็น สิ่ง ที่จับต้องไม่ได้  ตลาดจับคู่ราคาแบบนี้  ไม่ได้มี แต่หุ้น แต่มันมี แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ราคาสินค้าการเกษตร ราคาอนุพันธ์ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างสกุลเงินต่างๆ ก็ยังเอาไป ทำกันได้ .. เออ ดีจริงๆ
   ข้อมูลการจับคู่ซื้อขายต่างๆ ก็มี กูรู คิดค้น นำไปแสดง ให้อยู่ในรูปกราฟ ที่ลักษณะพิเศษ ที่ในช่วงเวลาหนึ่ง แท่งกราฟ 1 แท่ง สามารถมีค่าได้ถึง 4 ค่า นั่นก็คือ Bar Chart และ กูรู ทางเอเชีย ของเรา ก็ไม่น้อยหน้า คิดค้น กราฟแท่งเทียน (Candle Stick) ขึ้นมา ใช้ด้วย
จากนั้นมา ภาพกราฟ ของราคาในตลาดจับคู่ซื้อ-ขาย ต่างๆ ก็กลายเป็นกราฟ หน้าตา นี้กันไปหมด

ศึกษาอ่านเรื่องของ กราฟแท่ง (Bar Chart) ได้ที่
 http://www.taladhoon.com/taladhoon/lib/irsta01/irsta01-2.htm
และ เรื่องของ กราฟแท่งเทียน (Candle Stick) ได้ที่
 http://www.taladhoon.com/taladhoon/lib/irsta01/irsta01-4.htm
..
 คนเรา มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ มีนักคิด นักคำนวณ มากมาย คิดค้นทฤษฎี ทางเทคนิค และเครื่องมือต่างๆ ที่จะใช้ดูกราฟ แบบนี้ ออกมากมาย จน คนที่จะใช้เทคนิค ในการเทรด สับสนไปหมดว่า จะให้อะไรดี .. เพื่อนว่า ใช้อันนั้นดี  ใช้อันนี้ก็ เยี่ยม .. ตัดสินใจไม่ได้ ก็ ใช้มันหมดเลย
กราฟ ทีดูก็เลย มีอะไร ไม่รู้ เต็มไปหมด บางทีหน้าจอเดียวไม่พอ เปิดจอไป 3-4 จอ จอนึงเป็นกราฟแท่งราคา อีกจอเป็น เป็น เครื่องมือล้วนๆ ใสไปเต็มจอเลย มีทั้ง RSI, MACD, MACD Oscillator, Stochastic, Bollinger Band. etc..  อีกจอเป็นเป็น Ticker วิ่ง ... โอ้ว อะไร กันนั่น
ใช้กันสะเปะสะปะ ไปหมด มึนๆ งง แล้ว ความรู้ก็ตีกันเอง.. สุดท้ายไม่รู้ จะเชื่อสัญญาณ ซื้อขายอันไหนดี
..
แต่บางที เราก้ลืม ที่จะใช้อะไรง่ายๆ ที่จะทำให้ชีวิต ในการเทรด ของเรา ง่ายๆ ไม่สับสน ซับซ้อน วุ่นวาย
อะไร ง่ายๆ ที่ว่า ก็คือ ค่าเฉลี่ย ..
ใช่แล้ว เรากำลังจะ พูดถึง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) -- MA นั่นเอง

..เฮ้อ!! ... ลำพัง เส้นค่าเฉลี่ยฯ เอง ยังมีคนแย่งกันคิดขึ้นมา ตั้ง 5 แบบ
(อ่านรายละเอียดแต่ละแบบ ได้ที่ http://www.taladhoon.com/taladhoon/lib/irsta01/irsta01-5.htm)
.. แล้วจะเลือกใช้กันได้ไหมนะ
..
หลักการของ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ก็เป็นอะไร ที่ง่ายๆ หลักการคำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบพื้นฐาน ทำได้โดยนำราคาของวันปัจจุบันและวันก่อนหน้านี้มารวมกัน แล้วหารด้วยจำนวนวันที่ต้องการเฉลี่ยทั้งหมด
คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จะนำข้อมูลมาคำนวณแล้วล่ะ ว่าจะใช้ย้อนหลังไป เท่าใด เช่น MA5 ก็เป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลังคราวละ 5 วัน หรือ MA50 ก็ค่าเฉลี่ยย้อนหลังคราวละ 50 วัน เป็นต้น
..และเมื่อเวลาเดินไป มีข้อมูลเกิดขึ้นใหม่ ทุกๆวัน ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ก็เกิดขึ้นใหม่ ทุกวัน จึงเรียกว่า "เคลื่อนที่" MOVING นั่นเอง
..
จากบทความข้างต้น ก็จะรู้จัก Moving Average กัน ตั้ง 5 แบบ แต่ละแบบก็มี วิธีการคำนวณค่าเฉลี่ยที่ต่างกัน ที่เป็น ที่นิยม ทั่วไป ก็จะมีให้เห็นใช้กันบ่อยๆ ก็คือ SMA--Simple Moving Average และ EMA-- Exponential Moving Average
..
ถึงจะมีวิธีการคำนวณหลากหลายอย่างนััน เวลาใช้งานในการ เทรด เพื่อหาจุดซื้อ จุดขาย จริงๆ ก็ใช้เหมือนกัน คือการใช้ เพื่อหา GOLDEN CROSS และ DEAD CROSS
..
อาการ CROSS ที่ว่า ก็หมายถึง การที่ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) 2 เส้น มีการตัดกัน นั่นเอง โดยทฤษฎี ก็จะใช้ เป็นเส้นที่ มีระยะเวลาเฉลี่ยที่สั้น กับระยะเวลาเฉลี่ยที่ยาว มาใช้ในการ พิจารณา
..
GOLDEN CROSS ก็จะเป็น การตัดกันที่  เส้นค่าเฉลี่ยระยะเวลาสั้น ตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว แล้ว ค่าเฉลี่ยระยะสั้นมีค่ามากกว่า เส้นกราฟของค่าเฉลี่ยระยะสั้น จะอยู่สูงกว่า ระยะยาว
เช่น MA75 กับ MA200 เมื่อเกิด GOLDEN CROSS แล้ว MA75 ตัดกับ MA200 แล้ว MA75 จะวิ่งจากด้านล่าง MA200 ตัดขึ้นมาอยู่ เหนือด้านบนของ MA200
GOLDEN CROSS จึงถือว่าเป็น สัญญาณ "ซื้อ"
..
DEAD CROSS  ก็จะกลับตรงข้ามกับ Golden Cross คือ เส้นค่าเฉลี่ยระยะเวลาสั้น จะวิ่งจากด้านบน ตัดลงไปอยู่ด้านล่างของกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
เช่น MA75 กับ MA200 เมื่อเกิด DEAD CROSS แล้ว MA75 ตัดกับ MA200 แล้ว MA75 จะวิ่งจากด้านบนลงไปอยู่ด้านล่างของเส้น MA200 
DEAD CROSS จึงถือว่าเป็น สัญญาณ "ขาย"
..
ตัวอย่าง

จากภาพจะแสดงการเกิด Golden Cross และ Dead Cross ให้เห็น




การตั้งค่าของ เส้นค่าเฉลี่ย ที่ นิยม ใช้กัน
จะเป็น
5 วัน  สำหรับการลงทุน ระยะสั้นมาก
10 วัน  สำหรับการลงทุนระยะสั้น
25 วัน  สำหรับการลงทุนระยะค่อนข้างกลาง
75 วัน  สำหรับการลงทุนระยะกลาง
200 วัน สำหรับการลงทันระยะยาว
..
ใครที่ชอบหาความรู้ ก็ลอง ถาม Google ดูก็ได้ว่า Moving Average มันเป็นยังไง
อาจจะได้ คำตอบ แบบนี้
http://stockcharts.com/school/doku.php?id=chart_school:technical_indicators:moving_averages

หรือแบบนี้
http://www.babypips.com/school/moving-average-crossover-trading.html

หรือแบบนี้
http://www.swing-trade-stocks.com/moving-averages.html

หรืออาจจะเป็น แบบนี้ *** (Recommended)
http://www.informedtrades.com/3754-introduction-simple-exponential-moving-average-ema-forecasting-model-calculation.html
และ
http://www.informedtrades.com/3779-learn-trade-using-moving-averages-part-2-a.html

..
สุดท้าย Moving Average ที่ว่ามาเหล่านี้ ก้เป็น เพียง สิ่งที่ ใครๆ เขาก็คงจะรู้ และศึกษาหาความรู้กันได้เอง
แต่ ยังไม่จบ ภาคต่อไป จะเอา เรื่องที่ ได้พบจากการใช้ EMA ในการเทรด จริงๆ มาเล่าให้ฟัง
..
..
ปุกปุย


บทความแนะนำ

  1. ใช้ EMA หา Direction
  2. MACD แบบนี้ ใช้ดีจริงๆ
  3. MACD Behavior Part 1 ; show Direction



<-- Previous :  HEAD and SHOULDERS ; Part 2 ; ตำนาน หัว-หัวไหล่-เข่า-เท้า
  Next -->  :  เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2 : 5 อัศวิน EMA - ตอนแรก

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

HEAD and SHOULDERS ; Part 2 ; ตำนาน หัว-หัวไหล่-เข่า-เท้า

บ่นเรื่อง เพลงเด็กๆ ร้อง หัว-หัวไหล่-เข่า และ เท้า ไป ให้ติดหูติดตา กันไป แล้ว
"Head- Shoulders-Knees-and-Toes... Knees and Toes"

ก็เป็นเพลงที่ร้องกันสนุกๆ นะ แต่พอเอามาเทรด แล้ว บางทีก็ร้องเพลงพวกนี้กันไม่ออก
มีอยู่ ครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2007-2008 ก็ได้ร้องเพลงนี้ ดังๆ จน ใครๆ ที่บ้านก็หาว่าเราบ้า
เพราะเรา ร้องมันทั้งเช้าทั้งเย็น อย่างสบายใจ เป็น เวลาหลายเดือน พร้อมกันเงินใน พอร์ท ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จากการที่เรา Open Short S50 แบบบ้าเลือด หมดหน้าตัก เปิด contact มาที่สุดเท่าที่ ชีวิตนี้ จะเคยเปิดมา และเป็นการถือ สัญญา ที่นานที่สุดเท่าที่เคยถือมา .. จนทุกวันนี้ ยังไม่เคยทำอย่างนั้นอีกเลย
..
ทุกเช้า ตื่นมา เราก็จะ ฮัมเพลง Head and Shoulders เบาๆ ไป จนตลาดเปิด ยิ่งร้องดังขึ้นๆ
บ้า ไปแล้ว จริง แต่อย่างนั้น ความสุขใดๆ ย่อมมีวันหมดสิ้น การลงของดัชนี ก็ต้องมีวันสิ้นสุด และพลิกกลับ
เมื่อวันนั้นมาถึงเราก็ต้อง ทำใจให้ได้
..
จะพา ทุกคนย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น ... ในวันที่ 07 / 01 /2008 .. วันแห่งโชคชะตา
ในขณะที่ กำลัง Label Wave อย่างหน้าดำ อย่างเอาเป็น เอาตาย...
..

.. ในตอนนั้น SET index ลงมาจาก 928 แล้ว และลงต่ำกว่า 800 ไปแล้ว เด้งกลับขึ้นมา ..
หลายค่าย หลายสำนัก ออกมาเชียร์ กันออกหน้าออกตา ว่า ลงอย่างมากก็ 780-750 แล้วจะกลับขึ้นไป 1000 จุดกันเลยทีเดียว เชียว ... ไม่รู้เอาอะไร มาคิด
บางค่ายบางสำนัก ก็ว่า อาจจะ Sideway Uptrend นะ ค่อยๆ ขึ้น..
.. แต่ ด้วยความ กวนบาทา และมองต่างมุมของ เรา .. เราดัน วาด Scenario นี้ขึ้นมา
..

.. แล้ว เราก็เอา Scenario1 นี้ ไป แห่ ให้ เพื่อนๆ ได้ชมกัน ก็ไม่เห็นจะมีใครเชื่อว่า มัน จะเป็นไปได้ เลย
ซึ่งก็จริง SET index ไม่ได้ลงมาแค่ 760 แล้วเด้ง ไป 900 และลงมา 725 อย่างที่ เราคิด
..
.. แต่ SET index เลวร้ายกว่านั้น เพราะ มันไม่เด้ง แต่ลากลงไปจน 730 แล้วถึงจะเด้ง
เราก็เลย ต้อง ตัด Scenario 1 ทิ้งไป แล้วทำ Scenario 2 ขึ้นมา และลง รายละเอียดมากกว่าเดิม
แล้วเอาไป แห่ให้เพื่อนๆ ดูกันอีก

..Scenario 2  on 31/01/2008
..

.
.ซึ่ง ใน Scenario 2 นี้ ก็ทำการพยากรณ์ อนาคต ไว้ อีก ว่า จะขึ้น ไป ถึง 850 หรือ ไปว่านั้น แต่ไม่เกิน 900 จุด  มันก็ขึ้น ไปแรงได้ตามคาด SET index วิ่ง ไม่มียั้ง วิ่งขึ้นไป ตาย ที่ 886 แล้วลงอย่างแรง

..
.. ซึ่งการลงแบบนั้น ทำเอา ชาวหุ้น หัวใจสลาย กันทั้ง ตลาด..
แต่ว่า มือ Future นั้น เห็น สีแดง เป็นกำไร   เมื่อ SET index หลุดลงต่ำกว่า 850 เราก็ open Short แล้วนอนกอดไป ตลอดทาง..
.
.

.
. 02-06-2008 .. เราให้ทางเลือก กับ SET index ไว้ 2 แบบ คือ 770 กับ 700 ว่าจะเอา แบบไหน
ซึ่ง ตอนที่ทำภาพ นี้  ก็ open short S50 ไปหมดหน้าตัก ตั้งแต่ ลงต่ำกว่า 850 แล้ว และยังไม่ได้ปิดด้วย
ทำภาพนี้ ขึ้น เพื่อหาว่า มันจะลงมาที่เท่าไหร่
.
...ในตอนนั้น SET index ลงมาจาก 886 แล้วกำลังจะเคลื่อนที่ เข้าใกล้ ปลายแหลม  ที่ 730
ทำให้ เกิด ฉาก ตระการตา ที่ เรียกว่า Head and Shoulder ในตำนาน ขึ้นมา..
เพราะ ในตอนนั้น แทบจะทุกคนที่รู้จัก จะบอกว่า "มันจะต้องเป็น สามเหลี่ยม อย่างแน่นอน
พอลงมา 725-730 แล้ว มันต้องเด้ง .. เชื่อซิ "
.. ในใจก็คิดว่า "มันจะสามเหลี่ยมยังไง วะ Volume มาแต่ละวัน ไม่มีเหยียบ เบรค"
..แต่ เพื่อไม่ให้ ขัดใจเพื่อน เลยทำ ภาพ วิเคราะห์ ของ S50 มันทั้ง Triangle และ Head&Shoulders..
ให้มันเห็นกันไป..
.
...แบบแรก TRIANGLE




.
.. แบบที่สอง HEAD & SHOULDER


.

.วันที่ 15-07-2008 SET index วิ่งทะลุ neck line ลงมาอย่างไม่มีเบรค หลุดแล้วอย่างชัดเจน ไม่มี เด้ง ไม่มีชะลอตัว เราจึงต้อง ตัด Triangle Scene ทิ้งไป ..และถือ Short ที่เปิดไว้ ตั้งแต่ข้างบน ต่อไป พร้อมกับหาเงินมาใส่เข้าไปในพอร์ท อีก เพื่อจะเปิด Contact เพิ่มอีก เพราะ ความโลภ ครอบงำ คิดว่า ที่ได้ กำไร มันยังเปิด contact เพิ่มได้ ไม่สาแก่ใจ ... เอาเข้าไป..กรู.. โลภจริงๆๆ (แต่เป็นความโลภ ที่มาพร้อมกับดวงดี .. มันได้ จริงๆๆ)
..

.
.ก็ใช้ วิชามาร หัว-หัวไหล่ ที่ เคยบอกไว้ ในบทความก่อน .นั่นล่ะ  วัด Neck Line ให้ ขนาน parallel ที่ยอดของ ไหล่ซ้าย แล้วยกมันลงมา แต่เพื่อความสะใจ เราก็ไปแปลงวิชาของเขา ซะ เพราะเราไม่ตี เส้น คู่ขนาน แต่เราตี Fibonacci Parallel Line ซะเลย ได้ มา 4 เส้น คือ เส้น ที่ 0, 38.2, 61.8, 100
..แต่ทว่า SET index ลงมาหยุดที่ แนว 50% แทน.. อุวะ ... ไม่สบอารมณ์
แต่พอดูด้าน เวลา มันได้... รอบตามจำนวนเท่า ของ Cycle-13 พอดี
..
.

..
.. ตอนนั้นก็ ไม่แน่ใจ เพราะมีแรงซื้อเข้ามามากมาย หุ้น ก็เด้ง SET ก็ เด้ง แรงซะด้วย ก็เลย ปิด Contact ไป ส่วนนึง แต่ใจลึกๆ ก็ยัง คิดว่า มันยังลงได้ อีกน่า... ก็ทำการบ้าน เจาะลึก ให้ถึงกระดูกกันเลย
.
..
.
..ในวันที่ 08-08-2008 วันแห่งเลขมงคลใหญ่ เห็น เลขของสัญลักษณ์ 888 ถือเป็น Super Infinity ..
เป็นวันที่ ค่อนข้างยืนยัน ได้อย่างมั่นใจ เลยว่า ลงต่อแน่ๆ  580-570 แน่นอน
หลังจากวันนั้น SET index ดิ้นรน จะขึ้นไปให้ได้ แต่ได้อีกเพียง 1 สัปดาห์ ก็ไม่สามารถต้านทานแรงขาย ที่ถาโถมเข้ามาอย่าง รุนแรง จนทำให้ SET index ลงอย่างต่อเนื่องไป จนถึง กลางเดือน กันยายน 2008
.
.
.

.
.พอย้อนกลับมาดูใน Frame Month ก็พบความจริง 1 อย่าง ก็คือ มันตรงกับ เรื่อง Corrective Wave Relation ก็คือ " ถ้า  Impulse Wave ขึ้น ไป เป็น แบบ Wave 3 Extended แล้ว หลังจากจบ wave 5 แล้ว จะถอย Corrective Wave ลงมาที่ ปลาย Wave 4 เป็นอย่างน้อย" หรือ "อาจจะต่ำกว่าก็ได้ แต่จะไม่ต่ำกว่า จุดสิ้นสุดของ Wave 2 "
 .. ก็พบว่า ก็จริง .
.
... แต่ความน่ากลัว เกิดขึ้นในจิตใจทันที ทั้งรอยยิ้ม และน้ำตา เมื่อเห็น MACD weekly มันไม่มี Divergent ให้เห็นเลย มันจะจบแล้วขึ้น ได้อย่างไร ..
..เลย พิมพ์ "No Divergent No Ending" เข้าไป แล้วก็บอกตัวเองว่า เชื่อมั่นใน MACD นะ ย้ำกับตัวเอง ให้หนัก ๆ เพราะตอนนั้น ใจมัน อยากจะ Close Contact ให้หมด จะแย่อยู่แล้ว (การเห็นตัวเลขกำไรมากมาย ใจมันอยากจะปิดสัญญาตรงนั้นให้หมดเลย.. แบบนี้ก็เป็น ทุกข์ อย่างนึง)
..
สุดท้ายแล้ว รอบนี้ Head & Shoulder ทำเองชาเป๋ ไปข้างนึงเลย เพราะ อัดยาวลงไป ถึง ขาขวาเลย ลงมาที่ 375 จุด.. "ทำไม ถึง 375 พระเจ้าเท่านั้น ที่ทราบ ."
. ใจคอนักลงทุน ตอนนั้น มันเสียขวัญกันไปหมดแล้ว
เพราะโดน "ต่ำแล้ว ยังมีต่ำกว่า และต่ำกว่า และต่ำาาากว่า"  ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ไปเที่ยวแล้ว ติดใจ ติดอยู่บนนั้น กันไม่ยอมลงกันเลย
..
ส่วนขา Short บางราย ขายหมู ไปหลายรอบ เพราะคิดว่าจบแล้ว ปิด ทำกำไร ดีใจ ได้ 1-2 วัน มันลงต่อ และลงต่อ จะรอเด้ง แล้ว ค่อย เปิด Short ใหม่ก็ได้ มันก็ไม่มีเด้ง มันลงทุกวัน ได้แต่นั่งดูกันไป
..
.. เมื่อ ถึงเดือน เมษา.. 2009 เราจึงได้รู้ว่า การลงนั้น จบแล้ว จริงๆ
..


..และเรา ก็ได้ พบ คำตอบ ว่าทำไม 375 ... Fibonacci สำแดงฤทธิ์ อีกครั้ง
ตีเส้น 928 ลงมาที่ 725 ให้เป็น 0%-100% แล้ว เราก็ยกเส้น 0% มาที่ยอด 886 เรากลับพบว่า
375 กลายเป็น แนวที่สำคัญ ทันที  ที่ 375 เป็น ระยะ 423.6% ซึ่งก็เป็น Fibonacci Ratio เช่นกัน
..
.. ส่วนในด้าน ของเวลา Time Cycle ก็ แสดง อิทธิฤทธิ์ ไม่แพ้กันเลย
 เราจึง ต้องยกให้ Head &Shoulders นี้กลายเป็นตำนาน ที่ต้องเอามาศึกษา ค้นคว้า กันต่อไป
..

.. เราพบว่า แขนซ้าย และแขนขวา ถึงแม้ว่า จะจบที่ Index ไม่เท่ากัน แต่ ใช้ระยะเวลาเท่ากัน แทน
คือใช้ 28 weeks เท่ากัน พอดี
..
จบตำนาน H&S
..
ปุกปุย


บทความแนะนำ

  1. MACD แบบนี้ ใช้ดีจริงๆ
  2. ภาคปฏิบัติ : MACD Behavior Part 2 VS S50Z10
  3. น้ำหนักของสัญญาณใน Indicator และ MACD



.

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Sing a Song : Head-Shoulders-Knee and Toes ; Part 1

ใครเคยร้องเพลง "หัว-ไหล่-เข่า และเท้า" กันตอนเด็กๆ บ้าง

"Head .. Shoulders .. Knees and Toes , Knees and Toes ...

Eyes and Ears and Mouth and Nose , Head .. Shoulders.. Knees and Toes , Knees and Toes

ก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่า สุดท้าย เนื้อเพลงนี้ กลับกลาย เป็น เคล็ดวิชา สะท้านฟ้า สยบหุ้นในตลาด ได้ทุกครั้ง ที่หุ้น ออกอาการ กลับตัว (Reversal Pattern) แบบ Head & Shoulders

ลักษณะที่พอเห็นได้ของ Head & Shoulders ตามภาพ..



หรือ จะเป็น แบบ หงายขึ้น ก็ได้



มาดูของจริงกันบ้าง ... ก็จะเป็น แบบนี้

..


Shoulder ทั้งสองข้าง อาจจะเอียงได้เล็กน้อย ซึ่ง เส้น Neck Line ก้จะเอียงตามไปด้วย
..
หรือ แบบ นี้
..


ไม่ว่าจะใน Time Frame ไหน

Frame day , week ,month

หรือ เล็กๆ อย่าง 60 นาที, 15 นาที

ก็ล้วนสามารถเกิด การกลับตัวแบบ Head&Shoulder ได้ทั้งนั้น

เมื่อ รู้ NeckLine แล้ว ที่เหลือ ก็ง่ายแล้ว ล่ะครับ


เคล็ดวิชา Head&Shoulders
กล่าวไว้ว่า
   " เมื่อเดินลมปราณ ผ่านไหล่ขวา (Right Shoulder) ผ่านคอหอย (Neck Line) แล้ว
     .. จะวิ่งไปต่อ อย่างน้อย เท่ากับ ระยะจากแนวคอหอย (Neck Line) ขนาน ไหล่ซ้าย (Left Shoulder).."
...

ขั้นแรก : ตี Neck Line ก่อน

ขั้นที่สอง : ตีเส้นคู่ขนาน ระหว่าง Neck Line กับ Left Shoulder

..




**ในการตี เส้น คู่ขนาน อาจตี เส้นให้ เป็น Fibonacci Retrace Line ด้วยก็ได้ เพื่อใช้ในการคาดการณ์ระยะเป้าหมาย
..

ขั้นที่สาม : ยกเส้นคู่ขนานทั้งสองเส้น ไปวางให้ Shoulder Line ทับในแนวเดิม ของ Neck Line
ก็จะได้ระยะเป้าหมายของ ราคา ที่ คาดว่าจะจบชุดนี้ด้วย


H&S pattern มีทั้งคว่ำและหงาย ดังนั้นการตี เส้นคู่ขนาน จะทำในแนวกลับทิศ ก็ได้ ดังภาพตัวอย่าง
..
...ถ้าตีเส้น คู่ขนาน แล้ว พบว่า ไหล่ขวา พิการ (Right Shoulder Failure)
ก็ มีโอกาส ที่จะไม่ใช่ Head&Shoulder Pattern ที่แท้จริงก็ได้
.

วิธีสังเกต สำหรับ ผู้ที่ ตี Fibonacci Retrace Line เป็น นะครับ
ไหล่ขวาพิการ ก็คือ ถ้า ไหล่ขวา เด้งขึ้นมาไม่ถึง 61.8% ของระยะคู่ขนาน
ก็แทบจะตัดใจ คิดถึง Head&Shoulder Pattern ทิ้งไปได้เลย
..



..
มาดู ภาพกราฟ ของ จริงกันบ้าง
..





... จากภาพนี้ จะเห็น ว่า เมื่อ ยกเส้นคู่ขนาน เอา Shoulder Line มาวางที่ Neck Line แล้ว
จะพบว่า แขน ขวา ยาวลงมาจบ ที่ แนว 138.2% และในขณะที่ แขนซ้ายอยู่ที่แนว 127.2%
ซึ่งเป็น แนวของ Fibonacci Ratio
..
แนวที่ แขนขวา เมื่อผ่าน Neck Line จะลงมาแล้วจะมาจบที่ ระยะ 100% หรืออาจจะยาวกว่านั้น
ซึ่งจะเป็น สัดส่วน Fibonacci Ratio เช่น 138.2% , 161.8%, 200% , 261.8% หรือ 423.6% ก็ได้
..

ดูกันอีก หนึ่ง ตัวอย่าง
..






..ภาพนี้ เป็น H&S แบบหงาย จะเห็นว่า เมื่อยกเส้นคู่ขนาน ขึ้นไปแล้ว แขนขวา ไปจบที่ 161.8%
..
เพื่อความชัดเจน และความเข้าใจ ที่มากขึ้น ดูกันอีก สักอันนะ




..โรงพยาบาล นี้ เขารักษากันดี จริงๆ เลย เด้ง ให้ ได้ 200% กันเลย

.. คราวนี้ คงจะพอ เข้าใจ การทำงาน ของ Head&Shoulder Pattern กันแล้ว

..
.. สุดท้าย นี้ เป็น ข้อสังเกต ส่วนตัว ลองเอาไปสังเกตกันดู

ภาพตัวอย่าง ที่เอามาจะเป็น แบบที่เกิดบ่อยๆ (Most Common Cases) ซึ่ง แขนซ้าย-ขวา ทั้งสองข้างจะยาวพอๆ กัน แต่ ยังมี แบบที่ไม่เกิด บ่อย (Rare Cases) จะมี 2 แบบ

คือ 1. แขนขวา สั้นกว่า 100% กับ

2. แขนขวาลงลึกยาวกว่า แขนซ้ายเยอะมากๆ


เมื่อพบแบบนั้นแล้ว จะพบว่า แขนซ้าย และ แขนขวา จะมีความสัมพันธ์ทางด้านเวลา (Time Relationship) แทน

คือ เวลาของแขนขวา จะ เท่ากับ เวลา ของแขนซ้าย หรือเวลาอาจจะเป็น Fibonacci Ratio ก็ได้

ดังภาพ


..ที่บอกว่า เวลาแขนขวา เท่ากับเวลาของแขนซ้าย ก็จะหมายถึง t6 = t1
จากการสังเกต H&S pattern พบว่า

t1 และ t6 เป็นระยะเวลาของแขน สองข้าง

t1 มักจะใช้เวลา เท่ากับ t6 หรือ มากกว่า

t2 และ t5 เป็นระยะเวลาของ ไหล่ ทั้งสองข้าง

จะพบว่า ส่วนใหญ่ t5 มักจะยาวกว่า t2 แต่จะเป็นสัดส่วนกัน

t3 และ t4 เป็น เวลาของ ส่วนหัว

และ t3 มักจะใช้เวลาเท่ากับ t4

เช่น Head&Shoulder ระดับตำนาน ซึ่ง เราจะเอามาไล่เรียง เจาะลึกกัน ใน Part2 อันนี้

..


..ก็ คือ SET index เมื่อครั้ง ขึ้นไป 925 ในปลายปี 2007 นั่นเอง

..

เคล็ดวิชา หัวและไหล่ นั้น เป็นสิ่งที่ สะกด ราคาหุ้น ให้อยู่ใน มือเทรดเดอร์ ได้ อย่างสงบเสงี่ยม

ไม่มีการดิ้นออกนอกกรอบ ตีเส้นรอไว้ตรงไหน จะลงมาตรงนั้น

เจอ หุ้นวิ่งหน้าตาแบบนี้ เมื่อไหร่ ไม่แต่กำไรเห็นๆ ..

..

..

..

ปุกปุย

...




บทความแนะนำ

  1. MACD Behavior Part 1 ; show Direction
  2. Direction สำคัญนะจะบอกให้



<-- Previous  :  กลับตัว...กลับใจ...จริงเหรอ
   Next -->   :   HEAD and SHOULDERS ; Part 2 ; ตำนาน หัว-หัวไหล่-เข่า-เท้า

.