การหยุดตนเอง จากการเป็น ผู้เล่น ทำตัวเป็น ผู้ดูชม เป็นผู้สังเกตการณ์ อยู่ข้างสนาม บางครั้ง กลับเห็น สิ่งต่างๆ ได้ อย่างชัดเจนกว่า
วิธีการหนึ่ง ที่ใช้ แสดงภาพรวม ของการเทรด ได้เป็น อย่างดี คือการเปลี่ยน Time Frame ในการดูแท่งราคา เพื่อดูภาพรวมของ การเคลื่อนไหว ของแท่งราคา และ การเคลื่อนตัว ของ MACD อย่างที่ได้ พูดไปก่อนหน้านี้ แต่การดูแบบนั้น ยังได้ ภาพกว้างๆ ที่ยังไม่สามารถจะเอามาใช้งาน ในการกำหนดช่วงเวลาเทรด ที่จะเข้ากระทำ หรือตีฉาก ได้จริง
ในการเทรด นั้น เราคงจะต้องเลือกเข้ากระทำในจังหวะที่ ราคานั้นมี Direction อย่างชัดเจน และตีฉาก ทำกำไรในขณะที่ Direction นั้น จบลง กำลังจะเปลี่ยนเข้า สู่ Non-D (Non-direction)
เครื่องมือ หนึ่ง ที่ มักจะถูกใช้ในการสังเกต เลือกหุ้น ที่จะเข้าตา หรือไม่นั้น กลับเป็น สิ่งที่ง่าย และใกล้ตัว
นั่นคือ EMA - Exponential Moving Average
การใช้ EMA ต้องใช้ หลายๆ เส้น ต่างกันที่ ระยะเวลาในการเฉลี่ย โดยทั่วไป จะพบเห็น การใช้ EMA ในค่า เฉลี่ย EMA5, 10, 25, 50, 75, 100, 200 ทำนองนี้ ซึ่ง ไม่ค่อยใช้ งานได้จริงเท่าไหร่
จากการใช้งาน จริงพบว่า การตั้ง ค่าเฉลี่ย ของ EMA โดย ใช้ค่า ตาม Fibonacci Series ตั้งแต่ 5 ไปจนถึง 233 กลับ ทำให้ เส้น EMA มีความศักดิ์สิทธิ์ ขึ้น มาอย่างไม่น่าเชื่อ
การที่แท่งราคา ตก EMA เส้นหนึ่ง ไป หยุด ที่ EMA เส้นถัดไป แล้ว เด้ง กลับ ขึ้นไป มีเกิดให้เห็น นับครั้งไม่ถ้วน ตลอด 5-6 ปี ที่ได้เปลี่ยนมาใช้ ค่าเฉลี่ยแบบนี้
..
ข้อสังเกต
- เมื่อ EMA แต่ละค่าเฉลี่ย มาพันกัน เหมือน เกลียว เชือก จะเป็น ช่วง ที่เป็น Non-D ราคาจะขยับน้อยมาก
- เมื่อ EMA แต่ละค่า แยกออกจากกัน เหมือนสัตว์ร้าย กำลังอ้าปากกิน Offer ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ก็ล้วนแล้วแต่ มี Direction
..
ตัวอย่าง ของ การมี Direction อย่างชัดเจน
1. แท่งราคา ทำ New High แล้วพักตัว แล้ว ก็ทำ New High ใหม่ ตลอดทาง
2. EMA อ้า กาง ออก และ พุ่งขึ้น ทุกเส้น
3. MACD ทำ ภูเขา เหนือน้ำ ตลอดระยะทาง
...
เพียง เท่านี้ เรา ก็พอ จะหา หุ้น ที่ เทรด ได้ มันส์ ในตลาด แล้ว ล่ะครับ
...
...
ปุกปุย
...
..
แบบนี้เจ๋งครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ ตอนนี้ก็ผิดทางอยู่หลายตัวทีเดียว (-_-")
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบงานนี้ต้องทดสอบ. สุดๆเลยครับ
ตอบลบ