ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามี นักลงทุนให้ความสนใจ เรื่อง Volume กันมากขึ้น และมีหลักสูตร สอนเกี่ยวกับ Volume ให้เลือกเรียนกัน เยอะเลย ...ดีครับ ... จะได้มีความรู้กันมากขึ้น แต่การดู Volume เทียบกับ ราคา ก็ไม่ง่าย เพราะไม่มี Pattern ของ Volume ที่ชัดเจน แบบ Price Pattern
การดู Volume จึงต้องดูประกอบกับ Price Chart คือ ต้องดูว่า แท่งราคา มี Spread (ความสูงของแท่งราคา) มากหรือน้อย และ ดูว่า Volume ของแท่งนั้น มาก หรือน้อย ซึ่งก็จะทำให้เกิด Combination ของแท่งราคาพร้อม Volume ออกมาเป็นแบบหลักๆ 4 แบบ คือ
1. Price Spread กว้าง - Volume มาก
2. Price Spread กว้าง - Volume น้อย
3. Price Spread แคบ - Volume มาก
4. Price Spread แคบ - Volume น้อย
แต่ใน ทฤษฎีเกี่ยวกับ Volume ไม่ว่าจะเป็นของโบราณ Wyckoff Method ของ Richard Wyckoff หรือ ระบบยุคใหม่ VSA - Volume Spread Analysis ของ Tom Williams หรือเทรดเดอร์ ที่มีชื่อเสียงด้ายการอ่าน Volume ในอดีตที่ผ่านมาอีกมากมาย ก็มักจะ แยก พฤติกรรมของ Price และ Volume ออกมาต่างหาก อีก 2 แบบ คือ Buying Climax และ Selling Climax ที่จะเป็นแท่งราคาที่มี Volume มากมายผิดปกติแตกต่างจาก แท่งราคาอื่นๆ รอบข้าง อย่างเป็นได้ชัด ...
และ แท่งราคา Buying Climax และ Selling Climax นี้ล่ะ ที่จะเป็นแท่งราคาที่จะแสดงให้เราเห็นว่า แรงซื้อ และแรงขาย ของตลาดกำลังจะกลับทิศทางแล้ว
Buying Climax เป็นสภาวะราคาที่ มีการเขาไปไล่ซื้อหุ้นจำนวนมากๆ ของมวลชนในระยะเวลาอันรวดเร็ว และเป็นจุดที่รายใหญ่ จะขายของออกมาให้
Selling Climax จะเจอในบริเวณใกล้จุดต่ำ ที่ราคาใกล้จะกลับตัวเป็นขาขึ้น แรงขายออกจนราคาลงมาลึก เมื่อเกิด Climax จะเป็นแนวราคาที่ รายใหญ่ รับซื้อไม่อั้น สิ่งที่เกิดตามมา คือ หลังจากเกิด Selling Climax ราคาแทบจะหยุดการลงทันที
แต่การดู Volume กับ Price เทียบกันก็เป็นเรื่องไม่ง่าย ต้องใช้การสังเกตุ และการตีความ ด้วยประสบการณ์ ในการเทรดจริง อีก พอสมควร ... ไม่ขอ อธิบาย ตรงนี้เยอะ เดี๋ยวจะผิดประเด็น ของบทความนี้ ... เอาเป็นว่า ... จะดีไหม ถ้าแท่งราคา มันอ้วนได้ ผอมได้ ตาม Volume ที่เกิดขึ้น ของแท่งราคา นั้นๆ ... แท่งนี้ กิน Bid-Offerr เข้าไปเยอะ พุงกาง อ้วนเป็นตุ่ม เลย กับอีกแท่งนึง กิน Bid-Offer เข้าไปน้อยเหลือเกิน ก็จะผอมๆ ...
ด้วยแนวความคิดนี้ Richard W. Arms. Jr. ได้พัฒนา กราฟ EquiVolume ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกราฟราคาที่สามารถแสดง ข้อมูล 2 มิติ ไว้ในแท่งเดียวกัน คือ บอกทั้ง ราคา และ Volume
EquiVolume จะเป็นแท่งราคา สี่เหลี่ยมตันๆ ไม่มีหาง ขอบบนของแท่ง คือ High Price ขอบล่างของแท่ง คือ Low Price ส่วนความกว้างของแท่งราคา บอก Volume แต่จะไม่ได้บอก Volume เป็นตัวเลข แต่จะเป็นการสร้างกราฟ ให้เกิดการเปรียบเทียบขนาด ของ Volume แท่งล่าสุด กับ Volume ที่ผ่านทั้งหมดในอดีตย้อนหลังไป 4 เดือน ในการฟรายวัน Day Chart ก็ประมาณคร่าวๆ ย้อนหลังไป 100 แท่ง แล้วคำนวณ ออกมาเป็น สัดส่วน Volume ของแต่ละแท่ง เทียบกับ Volume ย้อนหลังทั้งหมด แล้ววาดออกมาเป็น แท่งราคาต่างๆ ที่มี ความอ้วนผอมแตกต่างกัน ไป
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะสามารถเห็นกราฟ แล้วเข้าใจได้ ทันทีเลยว่า แท่งราคาไหน มี Volume มาก แท่งไหน Volume น้อย ... (ตามภาพกราฟ ตัวอย่างด้านล่าง)
.
ขอบคุณภาพประกอบสวยๆ จาก StockCharts.com
(http://stockcharts.com/school/doku.php?id=chart_school:chart_analysis:equivolume)
แต่ใน ทฤษฎีเกี่ยวกับ Volume ไม่ว่าจะเป็นของโบราณ Wyckoff Method ของ Richard Wyckoff หรือ ระบบยุคใหม่ VSA - Volume Spread Analysis ของ Tom Williams หรือเทรดเดอร์ ที่มีชื่อเสียงด้ายการอ่าน Volume ในอดีตที่ผ่านมาอีกมากมาย ก็มักจะ แยก พฤติกรรมของ Price และ Volume ออกมาต่างหาก อีก 2 แบบ คือ Buying Climax และ Selling Climax ที่จะเป็นแท่งราคาที่มี Volume มากมายผิดปกติแตกต่างจาก แท่งราคาอื่นๆ รอบข้าง อย่างเป็นได้ชัด ...
และ แท่งราคา Buying Climax และ Selling Climax นี้ล่ะ ที่จะเป็นแท่งราคาที่จะแสดงให้เราเห็นว่า แรงซื้อ และแรงขาย ของตลาดกำลังจะกลับทิศทางแล้ว
Buying Climax เป็นสภาวะราคาที่ มีการเขาไปไล่ซื้อหุ้นจำนวนมากๆ ของมวลชนในระยะเวลาอันรวดเร็ว และเป็นจุดที่รายใหญ่ จะขายของออกมาให้
Selling Climax จะเจอในบริเวณใกล้จุดต่ำ ที่ราคาใกล้จะกลับตัวเป็นขาขึ้น แรงขายออกจนราคาลงมาลึก เมื่อเกิด Climax จะเป็นแนวราคาที่ รายใหญ่ รับซื้อไม่อั้น สิ่งที่เกิดตามมา คือ หลังจากเกิด Selling Climax ราคาแทบจะหยุดการลงทันที
แต่การดู Volume กับ Price เทียบกันก็เป็นเรื่องไม่ง่าย ต้องใช้การสังเกตุ และการตีความ ด้วยประสบการณ์ ในการเทรดจริง อีก พอสมควร ... ไม่ขอ อธิบาย ตรงนี้เยอะ เดี๋ยวจะผิดประเด็น ของบทความนี้ ... เอาเป็นว่า ... จะดีไหม ถ้าแท่งราคา มันอ้วนได้ ผอมได้ ตาม Volume ที่เกิดขึ้น ของแท่งราคา นั้นๆ ... แท่งนี้ กิน Bid-Offerr เข้าไปเยอะ พุงกาง อ้วนเป็นตุ่ม เลย กับอีกแท่งนึง กิน Bid-Offer เข้าไปน้อยเหลือเกิน ก็จะผอมๆ ...
ด้วยแนวความคิดนี้ Richard W. Arms. Jr. ได้พัฒนา กราฟ EquiVolume ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกราฟราคาที่สามารถแสดง ข้อมูล 2 มิติ ไว้ในแท่งเดียวกัน คือ บอกทั้ง ราคา และ Volume
EquiVolume จะเป็นแท่งราคา สี่เหลี่ยมตันๆ ไม่มีหาง ขอบบนของแท่ง คือ High Price ขอบล่างของแท่ง คือ Low Price ส่วนความกว้างของแท่งราคา บอก Volume แต่จะไม่ได้บอก Volume เป็นตัวเลข แต่จะเป็นการสร้างกราฟ ให้เกิดการเปรียบเทียบขนาด ของ Volume แท่งล่าสุด กับ Volume ที่ผ่านทั้งหมดในอดีตย้อนหลังไป 4 เดือน ในการฟรายวัน Day Chart ก็ประมาณคร่าวๆ ย้อนหลังไป 100 แท่ง แล้วคำนวณ ออกมาเป็น สัดส่วน Volume ของแต่ละแท่ง เทียบกับ Volume ย้อนหลังทั้งหมด แล้ววาดออกมาเป็น แท่งราคาต่างๆ ที่มี ความอ้วนผอมแตกต่างกัน ไป
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะสามารถเห็นกราฟ แล้วเข้าใจได้ ทันทีเลยว่า แท่งราคาไหน มี Volume มาก แท่งไหน Volume น้อย ... (ตามภาพกราฟ ตัวอย่างด้านล่าง)
.
ขอบคุณภาพประกอบสวยๆ จาก StockCharts.com
(http://stockcharts.com/school/doku.php?id=chart_school:chart_analysis:equivolume)