... หลังจาก SET ไหล ลง รุนแรง ราวกับว่า จะ โดด บันจี้จัมพ์ลงมา ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะดูจากกราฟ แล้ว มันเป็น Free Falling มาก คือ หุ้นหลักๆ แต่ละตัว หล่นรูด แบบไร้แรงต้านทาน ตลาดเอง ก็ลงแบบ ไม่มี Brake ... มันช่างเป็น ความรู้สึก ที่ท้าทาย ปน ความเสียวซ่าน ที่ ชีวิตนักลงทุน จะพบพาได้ ไม่มากนัก
...
.
. แต่ สิ่งที่ น่ากังวล ก็คือ นักลงทุนมือใหม่ หลายคน ที่ ไม่เข้าใจ หรือ มือเก่า บางคน ก็ยัง งงๆ เข้าไปรับซื้อกันอยู่หลายวัน ด้วยความคิด อะไร ก็ไม่รู้ .... แต่ในแง่ เทคนิคคอล เทรดเดอร์ แล้ว ... มันไม่ใช่เวลาเข้าซื้อแน่นอน ... เพราะราคา ที่หล่นลงมา มัน พายุ มีด ทั้งนั้น ... ไม่กล้า เอาพอร์ทเข้าไปรับหลอกครับ เลือดสาด แน่นอน...
... หลายคนที่ ได้ รับ การฟังบรรยาย จาก Wave Riders ไป ( อย่างน้อยก็ 300 คน ล่ะ) ... คงจะ CUT LOSS กันไปแล้ว เพราะ ทั้ง Safety Belt , Air Bag มันส่งสัญญาณ ไปหมดแล้ว
จนเมื่อวันพุธ-พฤหัส (21-22 ก.ย.) สัญญาณ สุดท้าย ร่มชูชีพ (Parachute) ก็ส่งสัญญาณ ให้กระตุกร่มได้ แล้ว (เพราะ SET มันกระโดดลง จากเส้น EMA233 day)
.
.
.. หลายคน ก็ยัง ไม่กระตุกร่ม ยังกล้าๆ กลัว สุดท้าย วันศุกร์ (23 ก.ย.) SET กระโดดบันจี้ จัมพ์ ลงเหวไปแล้ว ... เป็นไง คราวนี้ ยืนติดดอย อยู่ปากเหว ... ลมเย็น วิวสวย ไม่กล้าโดดตาม กันเป็นแถว ได้แต่โวยวาย .. บ่นตัดพ้อ.. โทษฟ้าดิน.. หรือหาใครก็ได้มาเป็นแพะ... จะได้ สบายใจปลอบใจตัวเองไป ..
เอา น่า ... VI จำเป็น ..ก็ได้ ไหนๆ บางคน ก็จำเป็น ตอน ปี 2008 มาแล้วรอบนึง... รอบนี้ อีกสักที ก็ไม่เป็นไรหรอก ... ปันผล หุ้นไทย สูง ใช้ได้อยู่นะครับ... ถือไปๆ ... หลายบริษัทฯ ยังพื้นฐานดีมาก.. เติบโตในระยะยาว แน่นอน... ถือยาวไป อย่างน้อย อีก 12 เดือน ... แต่กว่า รถจะขึ้นดอยมารับ คงไม่ต่ำกว่า 15-18 เดือน... เอา จัดไป ยังไง ปันผลสูงกว่า ดอกเบี้ย... สู้ๆๆๆ ... คิดซะว่า ย้ายที่ฝากเงิน ... ยังไง ซะ ปีหน้า ปี 2012 .. ธนาคาร ก็ประกันเงินฝากแค่ ล้านเดียว อยู่แล้ว ....
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
กล้า หรือ กลัว ... ตอนไหน ดี
... ราคาหุ้น วิ่งขึ้น ลง ตอบสนอง ความต้องการงานมวลชนในตลาด ..
แต่ความต้องการของตลาด เกิดจาก ความกล้า และความกลัว ของ นักลงทุน เอง
.. การติดตาม อารมณ์ ตลาด เป็นสิ่งจำเป็น ของ นักลงทุน แต่ นักลงทุน ส่วนใหญ่ ลืม ที่จะติดตาม อารมณ์ ของตนเอง .. ซึ่ง เป็น องค์ประกอบสำคัญ ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจ เป็นอย่างมาก ...
..
.. ความกล้า ที่เกิดจากความโลภ .. กล้าที่จะซื้อหุ้น ในราคาสูง .. กล้าที่จะไล่ราคา .. เหตุ เพราะเชื่อว่า หุ้นจะราคาสูงขึ้นไปอีก
.
... ความกลัว ที่เกิดจากความโลภ อีกเช่นกัน ที่ขายหุ้นออกมา .. เพราะกลัวว่าหุ้นจะลง แล้วไม่ได้กำไร .. แต่ขายแล้ว หุ้นวิ่งขึ้นไปต่อ .. ก็มานั่งเสียดาย .. ว่าไม่น่าขายออกไปอีกเลย .. บางคน กลับเข้าไปซื้อใหม่ในราคา ที่สูงขึ้น.. โดยไม่เกรงกลัว ว่าซื้อแล้วหุ้น จะลง...
.
... ความกลัว ที่ไม่กล้าขายหุ้น เพราะกลัวขาดทุน หุ้นยิ่งลง ก็ยิ่ง ขาดทุน หนักขึ้น ... คราวนี้ ยิ่งไม่กล้าขายเลย ... เกิดอาการ Freeze .. หาเหตุผลต่างๆ นานา มาปลอบใจตนเอง ว่าถือหุ้นไว้ก็ได้ .... ใจจริงๆ แล้ว ถือได้จริง หรือว่า ทำใจให้ถือได้มากกว่า.... ^-^
..
.. ปัญหา คือ นักลุงทุน ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว ควรจะกล้าซื้อ กล้าขาย ตอนไหน .. กลัวที่จะซื้อ ตรงไหน..
..
.
แต่ความต้องการของตลาด เกิดจาก ความกล้า และความกลัว ของ นักลงทุน เอง
.. การติดตาม อารมณ์ ตลาด เป็นสิ่งจำเป็น ของ นักลงทุน แต่ นักลงทุน ส่วนใหญ่ ลืม ที่จะติดตาม อารมณ์ ของตนเอง .. ซึ่ง เป็น องค์ประกอบสำคัญ ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจ เป็นอย่างมาก ...
..
.. ความกล้า ที่เกิดจากความโลภ .. กล้าที่จะซื้อหุ้น ในราคาสูง .. กล้าที่จะไล่ราคา .. เหตุ เพราะเชื่อว่า หุ้นจะราคาสูงขึ้นไปอีก
.
... ความกลัว ที่เกิดจากความโลภ อีกเช่นกัน ที่ขายหุ้นออกมา .. เพราะกลัวว่าหุ้นจะลง แล้วไม่ได้กำไร .. แต่ขายแล้ว หุ้นวิ่งขึ้นไปต่อ .. ก็มานั่งเสียดาย .. ว่าไม่น่าขายออกไปอีกเลย .. บางคน กลับเข้าไปซื้อใหม่ในราคา ที่สูงขึ้น.. โดยไม่เกรงกลัว ว่าซื้อแล้วหุ้น จะลง...
.
... ความกลัว ที่ไม่กล้าขายหุ้น เพราะกลัวขาดทุน หุ้นยิ่งลง ก็ยิ่ง ขาดทุน หนักขึ้น ... คราวนี้ ยิ่งไม่กล้าขายเลย ... เกิดอาการ Freeze .. หาเหตุผลต่างๆ นานา มาปลอบใจตนเอง ว่าถือหุ้นไว้ก็ได้ .... ใจจริงๆ แล้ว ถือได้จริง หรือว่า ทำใจให้ถือได้มากกว่า.... ^-^
..
.. ปัญหา คือ นักลุงทุน ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว ควรจะกล้าซื้อ กล้าขาย ตอนไหน .. กลัวที่จะซื้อ ตรงไหน..
..
.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)