January .... เดือนมกราคม เดือนที่ มีการเกิดเหตุการณ์ ซ้ำๆ ....ทำไม เป็นอย่างนั้น
มีข้อสังเกต อย่างหนึ่ง ก็คือ ใน 5 ปี มานี้ ปี 2008, 2009, 2010, 2011 และ 2012
ภายในเดือน มกราคม ช่วงเวลา ระหว่าง กลางเดือน ถึง สิ้นเดือน ประมาณ 2 สัปดาห์ ขึ้นไป
ที่ SET Index วิ่งลง เหมือนกัน ทั้ง 5 ปี ...
..
อืมมมม ... มันบอกอะไร เรา หรือ มันเกิดอะไร ขึ้น จึงทำให้ นักลงทุนต่างชาติ มีการขายหุ้น ในตลาดออกมาแบบนี้ หลังจากนั้น พอเข้าเดือน กุมภาพันธ์ ก็ กลับมาซื้อ .... มันน่าแปลกมาก ...
..
มันเป็นยังไง ลองมาดู กราฟ ช่วง ปี 2008 January - March
พบว่า เปิดปีใหม่ ก็ขายทันที แล้วก็ขาย ไปจนถึง วันที่ 24 ก็เกือบ เดือน จากนั้น SET จึงพลิกกลับขึ้นมา ตลอดทั้งเดือน February
แล้วพอมาดูเดือน January 2009 ถึงจะลงไม่หนักเท่ากับ January 2008 แต่ก็นับว่าเป็นการย่อลงมา เยอะทีเดียว SET Index ถอยลงมากแล้วก็ ออกข้าง ไปตลอดทั้งเดือน February
มาลองดู ของ ปี 2010 กับ 2011 บ้างสิ...
January 2010 ก็ถอยลงมา เช่นกัน แต่ว่ากว่าจะถอยลงมา ก็วันที่ 15 มกราคม ไปแล้ว น่ะสิ
แต่พอลงมาแล้ว SET ก็ พลิกกลับขึ้นไปใน เดือน February คล้ายๆ กับปี ก่อนหน้านี้
ส่วน ปี 2011 ก็ไม่ต่างจาก ปี ก่อนๆ เลย เปิดปีใหม่ มา ก็ลงเลย ยาวไปถึง กลางเดือน February เลยนะครับ
เห็นอย่างนี้แล้ว มันก็น่าคิดนะ ว่ามันมี ใครที่ มาทำให้เกิด แบบนี้ ... ....
ล่าสุด ในปี 2012 หลังจากเปิด ปีใหม่ มีการดีดขึ้นมา แต่ หลังวันที่ 12 มกราคม ... มันก็เริ่ม เลี้ยวลงมาอีกครั้ง ....อีกแล้ว เหรอ
History will repeat itself ......
หรือ SET Index จะเป็นอย่างเดิม ที่ มกราคม มีการถดถอย แล้วกลับตัวขึ้นไปในเดือนกุมภาพันธ์
.
.
อนาคต ล้วน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ..... ก็ได้ แต่ตั้งข้อสังเกต เก็บข้อมูล รวบรวม สถิติ แล้ว บอกถึงความน่าจะเป็น ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้ ก็เท่านั้น
... สิ่งใดจะเกิด ก็ จงเกิดขึ้น เถอะ .... เพียงเรามี สติ วางแผนให้รัดกุม รอบคอบ มีวินัย จิตใจที่ไม่สั่นคลอน ที่จะ ทำตามแผนที่วางไว้ เมื่อถึงคราว STOP LOSS ก็ต้อง จัดการโดยไม่ลังเล สงสัย....
อย่างนั้น แล้ว การลงทุน ก็จะสามารถ ถึงความสำเร็จได้ ในไม่ช้า
บทความแนะนำ
1. เอางานเก่ามา เหล้า ใหม่ .. เมา เลย แถมล่าสุดไปด้วย
วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555
สร้างผลตอบแทนอย่างงดงาม ภายใต้เป้าหมายสุด 'คอนเซอร์เวทีฟ' พอใจกับกำไรที่เอาชนะเงินเฟ้อ
วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2555 , ถนนนักลงทุน, นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
ได้ลงหน้าแรก พร้อม จั่วหัวแรงๆ
แต่อ่านไป .. ตั้งแต่ต้นจนจบ ... ยังคิดเลยว่า นักข่าวเขาเก่งนัก สามารถเก็บรายละเอียด เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่ตอนสัมภาษณ์ เราพูดเรื่อย เปื่อย เจื้อยไป แล้ว เอามาเรียบเรียงออกมาได้ ครบถ้วนสวยงาม เลย
แล้วยัง มี ใส่เคล็ดวิชา หลายๆ อย่างเข้าไปไว้ใน บทสัมภาษณ์ ได้อย่างกลมกลืน
..
เช่น .... วิธีการคัดหุ้น
สไตล์การลงทุนส่วนตัวเขาบอกว่า จะคัดเลือกหุ้นที่พื้นฐานดีมา 40 ตัว และคัดออกด้วยกราฟและสัญญาณทางเทคนิคให้เหลือ 20 ตัว แต่จะเทรดจริงๆ แค่ 5 ตัว ที่สามารถเล่นรอบได้ไกลๆ บางทีก็มีเลือกผิดบ้างก็ต้อง Stop Loss เลือกใหม่
"ปกติผมจะเทรดหุ้น 5-7 ตัวในพอร์ตที่เล่นรอบ โดยจะไม่ซ้ำกับพอร์ตวีไอ เวลาจะเอาหุ้นตัวใหม่เข้าก็จะหยิบตัวที่แย่สุดออกไป สไตล์การเทรดแบบเทรนด์ฟอร์โลเวอร์จะไม่ซื้อเมื่อราคาถูกสุดและไม่ขายเมื่อแพงที่สุด จะซื้อเมื่อมีสัญญาณว่าจะไม่ลงแล้ว ขายเมื่อแสดงว่าราคาไม่ไปแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาเวลาได้กำไรแล้วก็จะปล่อยทิ้งยาวไปเรื่อยๆ ให้ได้ผลตอบแทน 20% ในภาวะที่ตลาดปกติ แต่ถ้าเป็นตลาดกระทิงอาจได้มากกว่านั้น ถ้าตลาดไซด์เวย์อาจได้แค่ 10-15% ส่วนพอร์ตวีไอจะดูกราฟภาพใหญ่ระดับสัปดาห์และเดือนขึ้นไป".
.
หรือ เรื่อง จังหวะในการ ซื้อขาย
.
เวลาเลือกหุ้นจะดูกราฟสัปดาห์หาตัวที่หน้าตาสวยๆ คือ หลายสัปดาห์ก่อนวิ่งขึ้นแล้วพักตัวออกข้างแบบนี้เรียกว่า "กำลังสะสมกำลัง" ดูแล้วน่าสนใจที่สุด แต่ถ้าหุ้นตัวไหนวิ่งขึ้นๆ ลงๆ จะไม่สนใจ จากนั้นก็จะย่อมาดูกราฟ DAY ถ้า MACD "ตัดศูนย์ลง" หรืออยู่ใต้กว่าเส้น "จะไม่เอา"
แต่ถ้า MACD ขึ้นมาอยู่ "ใกล้ตัดศูนย์ขึ้น" อันนี้ "น่าสนใจเป็นพิเศษ" ก็จะหันมาดูกราฟชั่วโมงหากวิ่งขึ้นมาชนเทรนด์ไลน์แล้วมันจะถูกทดสอบก่อนจากแนวต้านจะกลายเป็น "แนวรับ" หากยืนได้จะวิ่งต่อจะเข้าไป "ซื้อ" ตอนนั้น
สวนตอนขายจะปล่อยของเมื่อมีสัญญาณเช่น ราคาลงมาตัดเส้นค่าเฉลี่ย 15 วัน หรือตกเทรนด์ไลน์เช่น MACDตัดศูนย์ลงก็จะขายทั้งหมด นี่คือแนวทางของเทรนด์ฟอร์โลเวอร์ คือ "ดูภาพใหญ่" หลายครั้งเจอว่าหุ้นบางตัวสัญญาณเทคนิคออกก่อนข่าวสัก 3-7 วัน หลายครั้งพอเราขายตามสัญญาณพอข่าวออกก็ "ลงเลย" หุ้นบางตัวถือนานที่สุด 3 เดือน เคยได้ผลตอบแทน 30% เร็วที่สุดบางตัวถือแค่สองอาทิตย์วิ่งไป 20% ก็ขายเลย ถ้าเป็นพอร์ตเล่นรอบจะ "ไม่สนใจเงินปันผล" เลยถือเป็นแค่ของแถม.
.
.
หรือ เทคนิคลุยหุ้นไอพีโอ
"เทคนิคการเล่นหุ้นไอพีโอ" ให้ได้กำไรจะต้องดูที่ “วอลุ่ม” การซื้อขายในช่วงชั่วโมงแรกจะรู้แล้วว่าหุ้นตัวนั้นจะ "ขึ้น" หรือ "ลง" โดยจะดูการตั้ง Bid และ Offer ถ้ามีการซื้อแบบ "ตบข้ามช่อง" หรือ "ไล่ซื้อหลายช่อง" (ตั้งราคาห่าง) มันจะสะท้อนอารมณ์ตลาดว่า "คนอยากได้หุ้นมาก" แปลว่าหุ้นตัวนี้ "น่าสน" แล้ว จากนั้นมาดูตอนช่วง "พีค" ของการซื้อขายประมาณ 10.00-10.30 น.
จากนั้นมาดูช่วงเวลา 11.00-12.00 น. เพราะจะมีบางคนขายทำกำไรช่วงเวลานั้น และดูต่ออีกทีช่วง "เปิดตลาดภาคบ่าย" ถ้าราคาสามารถวิ่งกลับไปเหนือ "จุดสูงสุดเดิมช่วงเช้า" ถึงจะเข้าไปซื้อช่วงนั้น แต่ถ้า "ไม่ผ่าน" จะไม่เอาเลยแปลว่า "หุ้นไม่วิ่งต่อแน่"
“อารมณ์หุ้นไอพีโอส่วนมากจะเป็นแบบนี้ ถ้าหุ้นตัวไหนมีคนต้องการเยอะตามแบบที่บอกหุ้นจะวิ่ง 3-4 วันเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าวิ่งไม่ขึ้นทำ New Low แปลว่าคนไม่สนใจ”
.
.
ก็เป็นเรื่องที่ดี ...หลายคน... อ่านแล้วน่าจะได้ประโยชน์ จากสิ่งเหล่านี้ ...
.
.
.
..
ปุกปุย
.
.
ได้ลงหน้าแรก พร้อม จั่วหัวแรงๆ
'ประกาศิต ทิตาราม' จับสัญญาณ 'วอลุ่ม' พิชิตหุ้น 'ไอพีโอ'
แค่อ่านก็แทบ กรี๊ด!!! เขาลง พาดหัวได้แรงมาก ... น่าติดตามจริงๆ
แต่พอ อ่านต่อ .... " เปิดตัว "ปุย" ประกาศิต ทิตาราม นักธุรกิจหนุ่มวัย 40 ....."
โอ้ว!! .. สะดุด แทบหยุดอ่านต่อ .... ตาไม่ไปต่อ มันติดตา ตรงเลข 40 .... อืมมม ... มันจะลงอายุกรู ทำไมล่ะเนี่ย ฮืมมมม .....
.
แต่พออ่านต่อ .... "ผู้ใช้เครื่องมือทางเทคนิคสร้างผลตอบแทนอย่างงดงาม ภายใต้เป้าหมายสุด 'คอนเซอร์เวทีฟ' พอใจกับกำไรที่เอาชนะเงินเฟ้อ" .... เออ อันนี้ โดนใจ ชอบๆๆๆ
พอเปิดหน้าต่อไป .... ตะลึง สิ ... มันจัดซะเต็มหน้าเลย
เนื้อหามากมาย .... สามารถไปอ่าน ออนไลน์ ได้ที่
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/investment/20120110/428096/news.html
หรือ อีกที่ Stock2morrow เขาก็คัดลอกเอามาไว้
แต่อ่านไป .. ตั้งแต่ต้นจนจบ ... ยังคิดเลยว่า นักข่าวเขาเก่งนัก สามารถเก็บรายละเอียด เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่ตอนสัมภาษณ์ เราพูดเรื่อย เปื่อย เจื้อยไป แล้ว เอามาเรียบเรียงออกมาได้ ครบถ้วนสวยงาม เลย
แล้วยัง มี ใส่เคล็ดวิชา หลายๆ อย่างเข้าไปไว้ใน บทสัมภาษณ์ ได้อย่างกลมกลืน
..
เช่น .... วิธีการคัดหุ้น
สไตล์การลงทุนส่วนตัวเขาบอกว่า จะคัดเลือกหุ้นที่พื้นฐานดีมา 40 ตัว และคัดออกด้วยกราฟและสัญญาณทางเทคนิคให้เหลือ 20 ตัว แต่จะเทรดจริงๆ แค่ 5 ตัว ที่สามารถเล่นรอบได้ไกลๆ บางทีก็มีเลือกผิดบ้างก็ต้อง Stop Loss เลือกใหม่
"ปกติผมจะเทรดหุ้น 5-7 ตัวในพอร์ตที่เล่นรอบ โดยจะไม่ซ้ำกับพอร์ตวีไอ เวลาจะเอาหุ้นตัวใหม่เข้าก็จะหยิบตัวที่แย่สุดออกไป สไตล์การเทรดแบบเทรนด์ฟอร์โลเวอร์จะไม่ซื้อเมื่อราคาถูกสุดและไม่ขายเมื่อแพงที่สุด จะซื้อเมื่อมีสัญญาณว่าจะไม่ลงแล้ว ขายเมื่อแสดงว่าราคาไม่ไปแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาเวลาได้กำไรแล้วก็จะปล่อยทิ้งยาวไปเรื่อยๆ ให้ได้ผลตอบแทน 20% ในภาวะที่ตลาดปกติ แต่ถ้าเป็นตลาดกระทิงอาจได้มากกว่านั้น ถ้าตลาดไซด์เวย์อาจได้แค่ 10-15% ส่วนพอร์ตวีไอจะดูกราฟภาพใหญ่ระดับสัปดาห์และเดือนขึ้นไป".
.
หรือ เรื่อง จังหวะในการ ซื้อขาย
.
เวลาเลือกหุ้นจะดูกราฟสัปดาห์หาตัวที่หน้าตาสวยๆ คือ หลายสัปดาห์ก่อนวิ่งขึ้นแล้วพักตัวออกข้างแบบนี้เรียกว่า "กำลังสะสมกำลัง" ดูแล้วน่าสนใจที่สุด แต่ถ้าหุ้นตัวไหนวิ่งขึ้นๆ ลงๆ จะไม่สนใจ จากนั้นก็จะย่อมาดูกราฟ DAY ถ้า MACD "ตัดศูนย์ลง" หรืออยู่ใต้กว่าเส้น "จะไม่เอา"
แต่ถ้า MACD ขึ้นมาอยู่ "ใกล้ตัดศูนย์ขึ้น" อันนี้ "น่าสนใจเป็นพิเศษ" ก็จะหันมาดูกราฟชั่วโมงหากวิ่งขึ้นมาชนเทรนด์ไลน์แล้วมันจะถูกทดสอบก่อนจากแนวต้านจะกลายเป็น "แนวรับ" หากยืนได้จะวิ่งต่อจะเข้าไป "ซื้อ" ตอนนั้น
สวนตอนขายจะปล่อยของเมื่อมีสัญญาณเช่น ราคาลงมาตัดเส้นค่าเฉลี่ย 15 วัน หรือตกเทรนด์ไลน์เช่น MACDตัดศูนย์ลงก็จะขายทั้งหมด นี่คือแนวทางของเทรนด์ฟอร์โลเวอร์ คือ "ดูภาพใหญ่" หลายครั้งเจอว่าหุ้นบางตัวสัญญาณเทคนิคออกก่อนข่าวสัก 3-7 วัน หลายครั้งพอเราขายตามสัญญาณพอข่าวออกก็ "ลงเลย" หุ้นบางตัวถือนานที่สุด 3 เดือน เคยได้ผลตอบแทน 30% เร็วที่สุดบางตัวถือแค่สองอาทิตย์วิ่งไป 20% ก็ขายเลย ถ้าเป็นพอร์ตเล่นรอบจะ "ไม่สนใจเงินปันผล" เลยถือเป็นแค่ของแถม.
.
.
หรือ เทคนิคลุยหุ้นไอพีโอ
"เทคนิคการเล่นหุ้นไอพีโอ" ให้ได้กำไรจะต้องดูที่ “วอลุ่ม” การซื้อขายในช่วงชั่วโมงแรกจะรู้แล้วว่าหุ้นตัวนั้นจะ "ขึ้น" หรือ "ลง" โดยจะดูการตั้ง Bid และ Offer ถ้ามีการซื้อแบบ "ตบข้ามช่อง" หรือ "ไล่ซื้อหลายช่อง" (ตั้งราคาห่าง) มันจะสะท้อนอารมณ์ตลาดว่า "คนอยากได้หุ้นมาก" แปลว่าหุ้นตัวนี้ "น่าสน" แล้ว จากนั้นมาดูตอนช่วง "พีค" ของการซื้อขายประมาณ 10.00-10.30 น.
จากนั้นมาดูช่วงเวลา 11.00-12.00 น. เพราะจะมีบางคนขายทำกำไรช่วงเวลานั้น และดูต่ออีกทีช่วง "เปิดตลาดภาคบ่าย" ถ้าราคาสามารถวิ่งกลับไปเหนือ "จุดสูงสุดเดิมช่วงเช้า" ถึงจะเข้าไปซื้อช่วงนั้น แต่ถ้า "ไม่ผ่าน" จะไม่เอาเลยแปลว่า "หุ้นไม่วิ่งต่อแน่"
“อารมณ์หุ้นไอพีโอส่วนมากจะเป็นแบบนี้ ถ้าหุ้นตัวไหนมีคนต้องการเยอะตามแบบที่บอกหุ้นจะวิ่ง 3-4 วันเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าวิ่งไม่ขึ้นทำ New Low แปลว่าคนไม่สนใจ”
.
.
ก็เป็นเรื่องที่ดี ...หลายคน... อ่านแล้วน่าจะได้ประโยชน์ จากสิ่งเหล่านี้ ...
.
.
.
..
ปุกปุย
บทความแนะนำ
.
.
<-- Previous : อีกา...ไม่เคยบินมา 3 ตัว ... Never have only 3 Crows
.Next --> : January 2012
.
.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)