Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Resistant , Support and Trading Range - Part 3

ห่างจากการตีแนวรับแนวต้านกันไปพอสมควร จาก Part 1:  Resistant, Support - Part 1   และ
 Part 2 :   Resistant, Support - Part 2

มาคุยกันต่อ ถึงการตีเส้นแนวนอนธรรมดา แต่ใช้ประโยชน์ในการเป็นสัญญาณ ซื้อ หรือขาย กันได้ง่ายๆ.  วิธีที่จะพูดถึงการตีที่ แกป (Gap)

วิธีที่สอง : ตีเส้นที่แกป (Gap)

ราคาหุ้นตอนที่เปิดตลาด ตอนเช้า หรือเปิดตลาดช่วงบ่าย เรามักจะพบราคาเปิดนั้น แตกต่างจากราคาของช่วงก่อนหน้า  ราคาเปิดสูงกว่าแท่งราคาก่อนหน้า ก็เปิดกระโดดขึ้น (Gap Up) หรือราคาเปิดต่ำกว่าแท่งราคาก่อนหน้า ก็เปิดกระโดดลงมา (Gap Down) ทำให้กราฟ เกิดแท่งราคาที่ ห่างกัน เปิดเป็นช่อง (Gap) ให้เห็น ทำให้ช่วงราคาตรงแกป ที่ถูกกระโดดข้ามไปนั้น ไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น. สาเหตุของการเกิด Gap มีได้จากหลากหลายปัจจัย จากข่าว หรือจากเหตุการณ์ หรือจากผลประกอบการ แต่ก็ล้วนทำให้นักลงทุนคาดหวังราคา ในวันถัดไปแตกต่างจากราคาในวันก่อนหน้า คาดหวังสูง ราคาเปิดก็ขึ้นเยอะ. คาดหวังว่าเลวร้าย ราคาเปิดก็ลงเยอะ


     


เมื่อเกิดการเปิดแกป (Gap) ช่องว่างของราคานั้นล่ะ ที่จะกลายเป็น แนวรับแนวต้าน ถ้าเปิด Gap ขึ้น ช่องว่างก็เป็น "แนวรับ" (Support Line)  เมื่อเปิด Gap ลง ช่องว่างก็กลายเป็น "แนวต้าน" (Resistant Line)  การตีเส้นแนวรับแนวต้าน ใน Gap ก็จะตี แบบนี้

กรณีเปิด Gap ขึ้น ให้ตีเส้นแนวนอน ที่ จุดสูง (high) ของขอบ ล่าง ของช่องว่าง






กรณีเปิด Gap ลง ให้ตีเส้นแนวนอน ที่ จุดต่ำ (Low) ของขอบ บน ของช่องว่าง 



เมื่อเวลาผ่านไป แท่งราคา เปลี่ยนทิศ กลับมาในช่องว่าง เมื่อแท่งราคาปิดช่องว่าง และแท่งราคาตัดเส้น แนวรับแนวต้านที่แกป ก็ถือเป็นการยืนยันการเปลี่ยนทิศทาง. เรียกว่า "ปิดแกป" (Gap Filled) or ( Closed Gap)




   ลักษณะของแนวรับแนวต้าน ที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ 

    " When Price Break Resistant Line , it will become Support Line.
    When Price Break Support Line , it will become Resistant Line. "

     แนวรับ และแนวต้าน ที่ถูกราคาทะลุผ่านได้ จะทำให้ แนวรับ กลายเป็นแนวต้าน และแนวต้านกลายเป็นแนวรับ นั่นหมายความว่า การ Break Out แล้วราคาจะไปต่อได้จริงๆ ราคาจะต้องไม่ถอยกลับมาตกแนวที่มันทะลุผ่านมาได้   ถ้า Break Out แนวรับแนวต้านไปแล้ว ราคาถอยกลับมาผ่านแนวได้ แสดงว่าเป็น Fake Break Out


   
       กรณี ที่เกิดการ Break Out ผ่าน แนวต้าน ขึ้นไปได้ .... และเราเข้าซื้อไป เพราะคิดว่าปิด แกป แล้ว ราคาน่าจะต้อง ขึ้น ... แล้ว เจอ Fake Break Out หลอกๆ แบบนี้ ...​ ห้ามฝันกลางวัน ว่า มันจะขึ้นไปต่อได้อีก ....​อาการ แบบนี้ ต้องยอมรับ ว่า ซื้อผิด  แล้ว ขายทิ้ง อย่างเดียว เท่านั้น

แล้ว ยอดสูง (High) ที่ราคา มัน Fake Break แล้วกลับตัวลงมา ตรงนั้น จะกลายเป็น จุดที่เรา จะขยับแนวต้าน ขึ้นไป ไว้ แทน
   
จากภาพ จะเห็นว่า ราคามีการ วิ่งเข้ามาทำสอบ Resistant Line อีกครั้ง ก็ยังไม่ผ่าน
และมีทั้ง Resistant Line และ Support Line อยู่ใกล้กันแบบนี้  ราคาก็วิ่งขึ้นลง อยู่ระหว่าง แนวรับแนวต้าน ทั้งสองเส้น ... อาการแบบนี้ มัน ออกข้างชัดๆ  ....​(SideWay)
พื้นที่ ระหว่าง เส้นแนวรับแนวต้าน ที่ระบาย สีเหลืองไว้ให้ ....​ชื่อ ทางเทคนิคคอล เรียกว่า Trading Range



ใน Trading Range พฤติกรรมของราคา ที่จะเห็นได้ชัดเจน คือ ราคาจะขยับผ่านไป แต่ละแท่งๆ โดยที่ไม่มี Volume มากนัก  การเกิด Fake Break Out ที่ ราคาวิ่งผ่าน แกป ใน Trading Range จึงเป็นการ ปิด แกป ที่ไม่มีความสำคัญ อะไร เลย ....​เพราะ มันเป็นการ Break Out , Closed Gap ที่ไม่มี Volume

Gap ที่เกิดใน Trading Range  นักเทคนิคคอล จะเรียกว่า "Common Gap"  แปลว่า แกปธรรมดา ไม่มีความพิเศษ อะไร เสมือนช่องว่างในอากาศ ที่ ราคาจะปิดแกป ก็ได้ ไม่ปิดก็ได้ ...​ไม่น่าสนใจอะไร

ดังนั้น หุ้นที่มีราคาวิ่ง อยู่ใน Trading Range เราจะยังไม่เข้าไป ซื้อหุ้น ... หรือถ้ามีหุ้น จะถือรอไว้ หรือ จะขายทำกำไร จุ๋มจิ๋ม ออกมาก็ได้ ....  ที่ที่ทำได้ คือ ตีเส้น แนวรับแนวต้าน แล้ว Save chart เก็บเอาไว้ แล้วมาดูบ่อยๆ ...​เมื่อไหร่ที่ ราคา สามารถ วิ่งทะลุขอบบน ของ Trading Range ขึ้นไปได้ และ เป็นการ Break Out Trading Range ที่มี Volume Buy เข้ามามากกว่า 5 วันที่ผ่านมา ด้วย ...​เราถึง จะ ซื้อ

ซึ่ง ถ้า ราคา มาจริง แบบนั้น ราคาหุ้น จะวิ่งหน้าตั้ง ....​แบบไม่มีถอย หรือ ถอยน้อยมาก และวิ่งเข้าใส่แนวต้านถัดไป อย่างรวดเร็ว ....​ ถ้าตอนราคา Break Out Trading Range with peak Volume Buy แล้ว มันแต่ลังเล ยึกยัก ซื้อดี ไม่ซื้อดี เพราะกลัว โดน Fake Break แบบคราวก่อน ... มันตกรถนะ จะบอกให้ ....
แล้ว จะมา นั่งบ่น โพสบนหน้า Facebook ว่า "รู้งี้ ๆๆ "  ไม่ได้นะ ..​.ก็บอกกันละเอียดขนาดนี้ แล้ว ยังไม่กล้าซื้อ อีก ... ก็สมน้ำหน้าตัวเองเถอะ .....

มาดูตัวอย่าง สัก 1 ตัวอย่าง ....
.
จากภาพจะเห็นว่า หุ้น วิ่งอยู่ใน Trading Range เป็นเวลานานมาก และมีการ Break Out Trading Range แต่ว่า ผ่านขึ้นมาได้  ตอนมัน Break Out ไม่รู้หรอกว่า จะไป หรือ จะถอย ... เข้าซื้อไปก่อนเลย แต่ซื้อ นิดหน่อย ถ้าวันถัดไป Higher High - Higher Low แท่งราคายกขึ้น ค่อยซื้อเพิ่ม

แต่ ในภาพ ราคามันไม่ไปต่อ แล้วถอยลง และ ถอยกลับตกลงไป ใน Trading Range ใหม่ แบบนี้ ต้อง ขายทิ้ง Cut Loss  ไป เพราะ ราคาเข้าไปอยู่ใน Trading Range จะวิ่งลงไปขอบล่าง หรือ จะออกข้าง ยังไง ไม่สามารถคาดเดาได้ ...​ ก็ยอมรับไป ว่า พลาด ...​อย่าคิดมาก ...




เมื่อเป็นแบบนี้ ต้อง ขยับ เส้น แนวต้าน ขึ้นไป ที่จุดสูง อันใหม่  เมื่อขยับแนวต้าน ขึ้นมาอีก ก็ทำให้ Trading Range กว้างขึ้นไปอีก ....

แล้วคราวนี้ ราคา กลับขึ้นไป Break Out อีกที ก็ซื้อ อีกครับ  มัน Break ก็ซื้อ ไม่ไปก็ขาย ถ้าไปต่อก็ซื้อเพิ่ม  ... มันก็มีแค่นี้ล่ะ ...​

แล้ว แท่งต่อไปราคายังขึ้นต่อไปอีก พร้อมกับ Volume Buy ที่เพิ่มขึ้น อย่างชัดเจน เราก็ซื้อเพิ่มได้ ครับ ...





และราคายังขึ้นต่อ พร้อมกับ มีคนมา ตะลุมบอน แย่งกันซื้อ จนราคาโดนลากขึ้นไปหลายช่องเลย  ถ้าเห็นอารมณ์ตลาด เป็นแบบนี้ อย่าไปตั้ง Bid นะ มันจะไม่ได้ของ ตั้ง Offer ไปเลย ซื้อ แบบเอาเลย ราคาไหนก็เอา ... มัวแต่ งก ช่องสองช่อง  ตั้ง Bid ไว้ จะไม่ได้ของซักที ...​ แล้วราคาก็จะหนี ไปเรื่อยๆ ...

บางคน พอราคาหนี ก็ตามนะ แต่ตามไปตั้ง Bid ช่องแรก ...​เออดี คงได้ซื้อหรอกแบบนั้น ... กว่าจะได้ซื้อ วิ่งไล่จน ถึงยอดดอยพอดี ..

..​อยากซื้อ ...​ก็ซื้อเลยครับ ...Offer ช่อง แรก ซื้อไปเลย อย่าไปต่อราคาซื้อ​ตอน Break Out





พอซื้อแล้ว ได้ของครบแล้ว  ...​ปัญหาเกิด  ...​กลุ้มใจกว่าเดิม .... "ขายตรงไหนดีวะ ...? "
ชีวิต นักลงทุน มักเป็นแบบนี้ ล่ะ ...​ตอนอยากได้หุ้น ก็เกี่ยงราคาซื้อ ... พอซื้อหุ้นมากได้แล้ว ไม่รู้จะขายตรงไหน ...​ เฮ้อ .... !!!


จะบอกวิธีให้ 1 อย่าง ..... กรณีนี้ เป็น การ Break Out Trading Range ที่มีเส้นแนวรับแนวต้าน คู่กัน เป็นแนวนอน ....​ เราสามารถหาเป้าได้ ...​  โอ้วเย้ ... !!!

เวลาที่ Price Break Out Trading Range สามารถวางเป้าหมายราคาได้คร่าวๆ ว่า ราคาจะวิ่งไป เท่ากับ ความสูง ของ Trading Range วัดจากแนวต้าน ที่ ราคา Break Out ผ่านไปได้ ...

OMG !!! จริงดิ !!!


จริงครับ จะวัดเป้า ให้ทำแบบนี้ พอราคา Break Out Trading Range ให้ยกเส้นคู่ขนาน ของ Trading Range ขึ้นไป เอาเส้นล่างไปทับเส้นบน แล้ว เส้นบนจะ ไปอยู่ที่ระยะเป้าหมาย ที่จะเป็น เป้าในการขาย ได้อย่างใกล้เคียง
.
.




ด้วย วิธีง่ายๆ แค่นี้ เราก็ ซื้อได้ ขายเป็น แล้ว ไม่ตกรถ ไม่ขายหมู ไม่ติดดอย ....
ชีวิตลงทุนก็จะมีความสุข ...

ขอให้ โชคดีในการลงทุน ครับ


Wave Rider Pui


.
.
.
















1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 เมษายน 2556 เวลา 08:08

    ขอบคุณมาก ๆ ครับ นี่แหละ ที่เขาเรียก ยิ่งให้ ยิ่งได้
    ขอให้ คุณประกาศิต มีความสุข มาก ๆ นะครับ

    ตอบลบ