ในสภาพปกติ ถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้น Oscillator ก็ควรแสดงผล วิ่งขึ้นด้วย เป็นการแสดง Momentum ของราคาที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าราคาถดถอยลง Oscillator ก็ควรที่จะลดถอยลง แสดง Momentum ของราคาที่ลดลง ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ของราคา กับ Oscillator ที่สอดคล้องกัน เขาเรียกว่ามัน “Agree” กัน
ถ้าราคาหุ้นกับ Oscillator มันเกิด “Disagree” กันขึ้นมาล่ะ คือ ราคาวิ่งขึ้น New High แต่ Oscillator กลับขึ้นนิดเดียว หรือ ราคาลง New Low แต่ Oscillator กลับถอยลงนิดเดียว เขาจึงเรียกรวมอาการพวกนี้ว่า Divergence
Divergence ถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันหมายถึงอะไร ??
Divergence ถ้าเกิดขึ้นแล้ว มันหมายถึงอะไร ??
มันมีความเชื่อของ Trader มือใหม่อยู่ว่า ถ้าเห็น Divergence แปลว่า ราคาหุ้น มันจะกลับตัว คือ ถ้าราคาวิ่งขึ้นอยู่แล้ว พอเกิด Divergence แล้ว ราคาหุ้นจะเปลี่ยนเป็นวิ่งลง หรือ ราคากำลังวิ่งลง พอเห็น Divergence แล้ว ราคากำลังจะกลับตัวขึ้นไป ถ้าถามว่ามันถูกไหม ก็ขอตอบว่า มันไม่จริง ก็มีบ้างที่กลับตัวจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาจะกลับตัวทุกครั้งที่เกิด Divergence
ในความเป็นจริง Divergence มันแสดงกำลังของการเคลื่อนที่ของราคาที่ลดน้อยถอยลง คือราคาวิ่งขึ้น New High แล้วเกิด Divergence Oscillator ก็แปลว่า การที่ราคาเคลื่อนที่ New High ขึ้นไปได้นั้น พลังของราคานั้นมันลดลงกว่าการวิ่งขึ้นครั้งก่อน เป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะถดถอยลงมาหลังจากวิ่งขึ้นจบแล้ว หรืออาจจะพักตัวออกข้างก็ได้ ดังนั้น การเกิด Divergence ไม่ได้หมายความว่า ราคาหุ้นจะเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นมาเป็นขาลง
[ การเกิด Divergence หมายความว่า ราคาหุ้นแค่หมดแรง ไม่ใช่จะเปลี่ยนทิศทาง สัญญาณอื่นจะมายืนยันการเปลี่ยนทิศภายหลัง ]
ในหุ้นที่มีพลังสูงๆ วิ่งขึ้นต่อเนื่องมายาวนาน เวลาที่ จะเปลี่ยนทิศเป็นขาลง อาจจะเกิด Divergence ได้ 2 ถึง 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ได้ ก่อนที่จะกลับทิศเป็นขาลง ส่วนในขาลงที่ราคาดำดิ่งลงไปลึกๆ ก็เหมือนกัน กว่าจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ ก็อาจจะเกิด Divergence หลายๆ ครั้งก่อนก็ได้
ในความเป็นจริง Divergence มันแสดงกำลังของการเคลื่อนที่ของราคาที่ลดน้อยถอยลง คือราคาวิ่งขึ้น New High แล้วเกิด Divergence Oscillator ก็แปลว่า การที่ราคาเคลื่อนที่ New High ขึ้นไปได้นั้น พลังของราคานั้นมันลดลงกว่าการวิ่งขึ้นครั้งก่อน เป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะถดถอยลงมาหลังจากวิ่งขึ้นจบแล้ว หรืออาจจะพักตัวออกข้างก็ได้ ดังนั้น การเกิด Divergence ไม่ได้หมายความว่า ราคาหุ้นจะเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นมาเป็นขาลง
[ การเกิด Divergence หมายความว่า ราคาหุ้นแค่หมดแรง ไม่ใช่จะเปลี่ยนทิศทาง สัญญาณอื่นจะมายืนยันการเปลี่ยนทิศภายหลัง ]
ในหุ้นที่มีพลังสูงๆ วิ่งขึ้นต่อเนื่องมายาวนาน เวลาที่ จะเปลี่ยนทิศเป็นขาลง อาจจะเกิด Divergence ได้ 2 ถึง 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้นก็ได้ ก่อนที่จะกลับทิศเป็นขาลง ส่วนในขาลงที่ราคาดำดิ่งลงไปลึกๆ ก็เหมือนกัน กว่าจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ ก็อาจจะเกิด Divergence หลายๆ ครั้งก่อนก็ได้
ตัวอย่างกราฟในภาพด้านล่าง จะเห็นว่า MACD ไหลลงต่อเนื่องทำ Divergence ไปหลายครั้ง ราคาก็ยังไม่เปลี่ยนทิศเป็นขาลง จนกระทั่ง EMA เกิด Dead Cross และราคาทำ New Low ลงมาใต้แนว Support Line ทางด้านขวาของภาพกราฟ ตรงนั้นถึงจะยืนยันการเปลี่ยนทิศเป็นขาลง
1. Regular Divergence เป็นการเกิด Divergence ในขณะที่ราคากำลังวิ่งเป็น Trend มีทิศทางชัดเจน ในขาขึ้น หรือ ในขาลง แล้ว แสดงอาการอ่อนแรง ออกมาเป็น Divergence Signal ซึ่งมีการจัดระดับความแรงไว้ 3 ระดับ คือ Strong , Medium และ Weak
ในระดับ Strong และ Medium มีโอกาสเกิดการกลับตัวของราคาได้ แต่ Weak จะไม่กลับตัว แต่จะแค่ พักตัวออกข้าง เท่านั้น
2. Hidden Divergence เป็นการเกิด Divergence ในขณะที่ราคากำลังเหวี่ยงตัว Sideway ออกข้างในกรอบราคา แล้วแสดงอาการเหวี่ยงตัวแรงขึ้น ให้เห็นว่า ราคามีโอกาสที่จะ Break Out ออกจากกรอบราคาได้
ใน Hidden Divergence ไม่มีระดับความแรง มีแบ่งแค่ Bullish กับ Bearish เท่านั้น คือ แสดงโอกาสว่า จะวิ่งขึ้น (Bullish) หรือ วิ่งลง (Bearish)
Divergence เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องกลับตัวทุกครั้ง ไม่ใช่แค่เห็นราคาทำอาการอ่อนแรง เห็น Indicator Divergence ก็ไป ทึกทักว่า ราคาจะกลับตัว. ... เพราะ ที่จริงแล้ว Divergence signal บอกเราเพียงแค่ ราคาที่วิ่งมีแนวโน้มในขณะนั้น อ่อนแรงแล้ว เท่านั้นเอง
หรือใน Hidden divergence ก็บอกเพียงว่า ราคาที่ sideway อยู่นั้น กำลังจะเหวี่ยงแรงขึ้น แค่นั้นเอง ไม่ได้บอกว่า จะเลิก sideway แล้ววิ่งเป็น Trend สักหน่อย
จึงต้องสังเกตุดูรายละเอียดปลีกย่อย ประกอบกับ Price Action , Volume และเส้นแนวรับแนวต้าน เส้น Trend line อีกหลายอย่าง
การมีความเชื่อผิดๆ ว่า Divergence เกิดแล้ว ราคาต้องกลับตัว หรือ เกิด Hidden divergence แล้วราคาต้อง break ออกจากกรอบ sideway ... ทำให้มุมมองต่อกราฟผิดเพี้ยนไป วางแผนเทรดผิด ... และเสียหายในที่สุด ...
Trade ด้วย Divergence ไม่ง่าย ต้อง ศึกษาสังเกตุ จนเข้าใจ ... และมีแผนรองรับ เมื่อผิดทาง อยู่เสมอ .. (อ่านเพิ่มเติมได้จาก บทที่ 15 ของ หนังสือ โต้คลื่นหุ้น ... เทคนิคทำกำไรทะลุฟ้า กันได้นะครับ)
สิ่งสำคัญในการ เทรด คือ
Rule #1 .. Anything can happen .. alway have stop loss
กฎข้อ 1 ... อะไรก็เกิดขึ้นได้ .. จงมี stop loss เสมอ
.
Rule #2 .. Plan your Trade and Trade your plan..
.
Rule #2 .. Plan your Trade and Trade your plan..
กฎข้อ 2 ... วางแผนเทรด ... เทรดตามแผน
.
Rule #3 .. Don't Forget Rule #1 ..
.
Rule #3 .. Don't Forget Rule #1 ..
กฎข้อ 3 .... อย่าลืม กฎข้อ 1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น