Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

ขอขอบคุณ 20,000 views

เมื่อวันที่  28 มกราคม 2554 เวลาประมาณ  13.00 น.
Wave Riders Blog ได้ทำสถติใหม่ เดืนทางมาถึง 20,000 views เกิน ความคาดหมาย ของนักโต้คลื่น คนนี้ เป็นอย่างมาก



ด้วยแรงผลักดันสนับสนุน จากหลากหลายคน ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จักกัน  ผลัดกันเข้ามาชม และบอกต่อๆ ออกไป จึงได้เกิด แรงสนับสนุน เข้ามา เป็นกำลังใจให้ ตั้งใจที่จะทำ ต่อไป
ซึ่ง ต้องขอขอบคุณ ท่านทั้งหลาย จากใจจริง ขอเอ่ย นาม เท่าที่ทราบ และ Tracking  ได้

ขอขอบคุณ



ขอขอบคุณจากใจ ครับ

ปุกปุย

...
..
.



วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ค่าเงินบาท RTXUSTB - Jan 2011

ช่วงนี้ ค่าเงินบาท เป็น ที่น่า กังวล  มีคนพูดถึงกันมาก ทีเดียว
เนื่องจาก เศรษฐกิจประเทศไทย พึ่ง รายได้จากการส่งออก สินค้า ไปขายในต่างประเทศค่อนข้างมาก
ทำให้ ค่าเงินบาท ถ้าแข็งค่า น้อยกว่า 30 บาทต่อดอลล่าร์ จะมีปัญหาอย่างมากต่อผู้ประกอบการ
..
เฮ้อ !!!  ขึ้นต้น มาเป็น ทางการ วิชาการมาก แล้ว อึดอัด พิมพ์ ต่อไม่ได้
เอา แบบ บ่นๆ พร่ำเพ้อ อย่างเดิมของเรากันดีกว่า

ค่าเงินบาท หลังจากประกาศลอยตัวค่าเงิน ใน ปี 1997
เงินบาทเรา วิ่ง ขึ้นไป สูงสุด 56.5 บาทต่อดอลล่าร์ ภายใน 8 เดือน ทำให้ เกิด เศรษฐีใหม่  และคนล้มละลายในเวลาเดียวกันมากมาย .. ตอนนั้น ก็ เกือบ ไม่รอดเหมือนกัน .. ฮึ ฮึ ...
.
พอใช้เทคนิคคอล กับกราฟ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท RTXUSTB พบว่า มีการเคลื่อนไหว อย่างมีนัยยะ ที่น่าสนใจมาก
.
..
. ช่วง ปี 1998-1999  ที่ค่าเงิน ขยับจาก 56 บาท มาเหลือเพียง 35-36 บาทต่อดอลลาร์ หากใช้ระยะตรงนั้น  ตีเส้น Fibonacci Retrace Line ... (ใครตีเป็น ก็ลองตีเอา ไม่ตีให้ดู)
แล้วยก เส้น 0% มาวางไว้ ที่ 45 บาท ใน ปี 2001 จะพบว่า แนว 100% และ 138.2% จะไปตก บริเวณ
ค่าเงินที่แข็งที่สุด ใน ปี 2007 พอดี (ตามลูกศร สีฟ้า)

หลังจากปี 2007 ค่าเงินบาทอ่อนตัวอีกครั้ง กลับมาที่ 36 บาท อีกครั้ง ในปี 2009 แต่จะด้วยเหตุผลอะไร ก็แล้วแต่ ค่าเงินบาท ไม่สามารถ ผ่าน EMA90 (เส้นสีม่วง) ไปได้ (อ่านเกี่ยวกับ EMA90)

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แข็งค่าขึ้น ช้าๆ จนมาอยู่ที่ระดับ 30 บาท ต่อดอลล่าร์ ในปัจจุบัน (ม.ค.2011)

หลายวันก่อน แอบ โพส กราฟ RTXUSTB ปนไป กันอย่างอื่น ขอเอากลับมาให้ดูกันอีกครั้ง
เป็นกราฟ Weekly ช่วงปี 2009 ถึง มกราคม 2011 (ปัจจุบัน)

..
ตอนนี้ จะพบว่า ค่าเงินบาท วิ่งอยู่ใน ช่องคู่ขนาน และมีเส้นขนานบน Project มาที่ 31 บาท
ส่วน MACD ก็ ยังอยู่ใน แดนลบ มากมาย และ Stochastic วิ่งขึ้น ไป สู่ Over bought Zone
จะด้วยเหตุผล อะไร ก็แล้วแต่ ทางด้านเทคนิค แล้ว แท่งราคา ไม่น่าจะขึ้นไปสูงกว่านี้ ได้อีกมากนัก
และควรจะ กลับตัวลงมา อีกครั้ง ส่วนจะ New Low ต่ำกว่า 29.44 บาท หรือไม่ ก็ยังบอกไม่ได้
..

--  ++  --  ++  --  ++  --  ++  --  ++  --  ++  --  ++ -- ++  --  ++  --  ++ -- ++  --  ++  --  ++  --  ++  --

..
มาถึงวันนี้ 27 มกราคม 2011 นำภาพกราฟ ของ RTXUSTB กลับมาดูอีกครั้ง ก็มีอะไร ที่น่าสนใจ

ยังพบการ วิ่ง อยู่ใน ช่องคู่ขนาน เช่นเดิม แต่ ค่าเงินบาท วิ่งขึ้นมาชน เส้นขนานบน ที่ 31.12 บาทต่อดอลลาร์ แล้วก็หยุดขึ้น
Stochastic เข้าสู่ เขต 80% ซึ่งถือว่าเป็น Over Bought Zone แล้ว แต่ ค่า %K ยังไม่ตัด %D จึงต้องระมัดระวังการกลับตัวลงมา



ก็เป็นการเอา กราฟ เทคนิค มาแสดงให้ดู ได้ ว่า ค่าเงินบาท ที่ไม่แน่นอน นั้น
ก็สามารถ ใช้ เทคนิคคอล คาดการณ์ ความน่าจะเป็น ที่อาจเกิด ขึ้น ได้
ไม่ได้บอกว่า มันจะเป็น อย่างนั้น เสมอไป
แต่ถ้า รู้อย่างนี้แล้ว สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ เป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงิน
 ในกิจการ นำเข้า-ส่งออกต่างๆ ก็คิดว่า น่าจะเป็น ประโยชน์ ในการวางแผนธุรกิจของ กิจการนั้นๆ ได้
..
ในกรณี นี้ ถ้า ค่าเงินบาท อ่อนค่า และสามารถผ่าน เส้นคู่ขนานเส้นบนที่กดไว้ได้
ก็เป็น การ Break out Channeling  เปลี่ยน Trend ก็จะไม่สามารถใช้ เส้นคู่ขนานชุดนี้ได้อีก
อาจจะไป ชะลอตัว บริเวณ EMA90 สีม่วง ที่ 32 บาทต่อดอลล่าร์ 
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ก็คงจะต้องมาพิจารณากันอีกที ว่า Trend ใหม่ จะเป็น อย่างไร..
...
..

ปุกปุย
..
..
..
<-- Previous : 2011 January Effect -- ต้มยำกบ
  Next --> : ทดลอง STOCK SCREENING : part 1

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

2011 January Effect -- ต้มยำกบ

January 2011
ประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ ของ ตลาดหุ้นไทย ได้เกิดขึ้น แล้ว
วันนี้ 24 มกราคม 2554 เป็นวันที่ ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ
เพราะวันนี้ วันเดียวตลาดหุ้นไทย ลงรวดเดียว 42.89 จุด 
ขายกันแบบ ไม่ลืมหูลืมตา เรียกได้ว่า คนที่ ซื้อได้ตกใจ ...
และที่น่าห่วง คือ เป็น การขาย ที่มี รายย่อย ซื้อสุทธิ อยู่ฝ่ายเดียวด้วย
..

..
ที่จริง รายงานการซื้อขาย ในตลาดหุ้น ตั้งแต่ เปิดปีใหม่มา ก็จะเห็น กันอยู่แล้วว่า ส่วนใหญ่ต่างชาติ จะขายสุทธิ เกือบทุกๆ วัน มากบ้างน้อยบ้าง มีตบลงแรงๆ ให้เห็น ในวันศุกร์ที่ 7 มกราคม และวันจันทร์ที่ 10 มกราคม วันละ 20 กว่าจุด ให้ตื่นเต้น แล้วก็เงียบไป นาน จนมาถึงวันที่ 20-21 มกราคม ตบลองเชิง วันละ 10 กว่าจุด ดูซิว่า คนในตลาดยังรู้สึกอะไร ไหม..
ผลก็คือ ไม่มีใครรู้สึกอะไร ... เพราะ บางค่ายก็ออกมาบอกว่า ไม่หลุด 1000 จุด บางค่ายก็ว่า 980 ก็เต็มที่แล้ว บางคนให้สัมภาษณ์ ระยะยาว กันไปเลยว่า ปีนี้ เห็น 1200 จุด 1700 จุด บ้าง อะไร บ้าง
..
ในความคิด ขอบอกเลยว่า ปรากฎการณ์นี้  ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เรื่อง ต้มกบในหมอน้ำ 
..
กบเป็นสัตว์ เลือดเย็น มันจะค่อยปรับอุณหภูมิร่างกายเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ 
ถ้าเราเอากบโยนลง กะทะตั้งไฟ ..  กบจะกระโดดออกทันที เพราะมันรู้สึกว่าร้อน
แต่ถ้าเราเอากบใส่หม้อน้ำ แล้วต้ม ให้น้ำค่อยๆ ร้อนขึ้น กบจะค่อยๆ ปรับร่างกายตนเองเข้ากับน้ำร้อนนั้น
กว่ากบจะรู้ว่าน้ำมันร้อน มันก็โดนน้ำลวกจนเกือบจะสุก อยู่แล้ว
..
..
January Effect ของเราคราวนี้ คงไม่ต่างกัน เพราะ ต่างชาติ ค่อยๆ หยอดขาย มาเรื่อยๆ ตอนแรก SET ขึ้นด้วยซ้ำ ต่างชาติก็ยังขาย สุทธิ มาทุกวัน เสมือน ค่อยทำให้น้ำร้อน ขึ้น กบทั้งหลายก็ร่าเริง ได้อาบน้ำอุ่น
มีวันที่ 7 กับ 10 มกรา ที่เร่งไฟ ไปเร็วไปหน่อย กบ ตกใจ  เลยต้องมาซุ่ม ตั้งไฟกันใหม่ จน กบเริ่มชะล่าใจ
ออกมาร้อง กันซะดังเลย ว่า 1200 ๆ 1700ๆ   
..
ก็ได้ใจซิ เร่งไฟ ไปวัน ที่ 20-21 ก็ดีใจ เหมือนได้ของถูก กระโดดดีใจกันใหญ่
...
และแล้ว วันนี้ ก็มาถึงช่วงสุดท้าย ที่พ่อครัวหัวป่า ต้องเร่งไฟให้แรงที่สุดในวูบเดียว ทำการพาสเจอร์ไรซ์
ต้มยำกบ ให้สุกอร่อย.. จะได้ เอาต้มยำกบกลับบ้าน
ขอยืมภาพนี้จาก Tradetory Club  Fan Page 
..
..
จะเห็นได้ชัดเลยว่า  สะสมตั้งแต่ เปิดทำการ มกราคม 2554 เป็นต้นมา 
พ่อครัว ต่างชาติ ขายสุทธิ 29 หมื่นล้าน  และสถาบันผสมโรงไปด้วย 4 พันล้าน
และที่น่าตกใจ คือ กบ.. เอ้ย!! รายย่อยของไทย รับซื้อสุทธิมาแล้ว 32 หมื่นล้าน
..
เป็น กบอ้วน ที่กินเข้าไปกำลังดี
แต่ยังมี กบ ทนไฟ อีกมากมาย ... ที่ต่อให้ ไฟแรงแค่ไหน ก็ยังทนได้ .. ก็จะสามารถรอตายจากจากการต้มครั้งนี้ไปได้ แต่ คงจะถูกน้ำร้อนลวกบ้าง พองบ้าง 
..
แต่ กบ ยังมีโอกาส รอดตายได้ ถ้ากบกระโดด ออกจากหม้อต้มน้ำ ได้ทัน
..
สิ่งที่จะตามมา ตอนที่กบถูกต้ม ก็คือ แมงหวี่ แมงเม่า จะมารอ ตอม ..
แมงเม่า จะถามพ่อครัว หัวป่า อยู่เรื่อยๆ ว่า "สุก รึยัง?? .. (ลง) สุด รึยัง?? ... (จะได้เข้าไปตอมซื้อ) " 

ซึ่งพ่อครัวหัวป่า ที่แสนใจดีก็ชอบนะ อาหารป่า รสเด็ด ต้มยำกบ โรยหน้า ด้วยแมงเม่า..
รสชาติมัน ป่า (เถื่อน) มาก ...
พ่อครัว จะใส่ แสงสี ที่เรียกว่า "รีบาวด์" หลอกล่อ แมงเม่า เข้ามาตอม หม้อต้มกบ ใบนี้
พ่อครัว คงจะคิดว่า "พอแมงเม่า โดนควันไฟ เข้าไป คงจะหมดแรง ตกลงไปในหม้อใบนี้เป็นแน่ แท้"
ก็คงจะมีแมงเม่า ตกลงไป บ้างล่ะ  
ส่วน เจ้ากบตัวไหน ยังไม่ตาย แล้ว มันโดดกินแมงเม่า เพื่อออกจากหม้อได้ กบนั้น ก็จะรอดชีวิต..
..
จบดีกว่า คิดอะไร ฟุ้งซ่าน ไปเรื่อยเปื่อย หาสาระ อะไร ไม่ได้เลย
..
..


สรุป เลยว่า เหตุการณ์ ในครั้งนี้  เป็นบทเรียน ที่สำคัญ ย้ำเตือนความทรงจำ ถึง
ประโยคสำคัญ ที่ ไม่ควรจะลืม (ซึ่ง อาจารย์ของ เราย้ำแล้วย้ำอีกเสมอ) คือ 

"คิดจะ เทรด ต้อง มีวินัย ในการเทรด ...
ก่อนเทรด ทุกครั้ง ทุก ORDER และทุกๆ วัน 
ต้องมี จุด STOP LOSS และ มี เป้า ในการ TAKE PROFIT "

"ไม่มี 2 จุดนี้ อย่าส่ง ORDER เด็ดขาด"
...
..
สุดท้าย.. อยากบอกว่า ถึงเวลาขาย ก็ต้องขายครับ .. เงินทองของนอกกายหาใหม่ได้
แต่ถ้าไม่ได้ขาย .. แล้วเสียความมั่นใจในการเทรด .. มันเรียกคืน มายากยิ่งกว่า.. 
แล้วจะมานั่ง บ่น "รู้งี้ .. รู้งี้" ทีหลัง มันก็ช่วยอะไร ไม่ได้แล้ว ครับ
..
..
ปุกปุย
..
..




วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

ตลาดหุ้นลง .. ตกใจ กัน ทำไม

 มีเพื่อนๆ พี่น้อง เลียบๆ เคียงๆ ถาม กันมา ว่า วันศุกร์ 21 ม.ค. ลงมา ซะเยอะเลย มองยังครับ

555+ ... ถ้าถามวันพุธตอน กลางวัน จะได้คำตอบนึง ที่เหมือนกันกับ คนอื่นคือ ตลาดมันกำลังขึ้น..
รึไม่จริง ดูซิ ลากใหญ่เลย ขึ้น จริงๆ นะ
..
ต่อไปนี้ ขอบันทึกเหตุการณ์ กึ่งสารภาพ  ใครอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็อย่าถือกัน นะครับ
บันทึกไว้ เอาไว้ทบทวน เพราะ มีเหตุการณ์ สัญญาณหลอก ที่ น่าสนใจ
..
..
เช้า วันพุธ 19 เปิด Long S50H11 ตั้งแต่ตลาดเปิด เลยครับ เอาราคา เปิดเลย
ทำไมเหรอ .. แหม .. ก็เห็นอยู่ Break Out Trend Line  , MACD ใน 60 min ตัดศูนย์ , STO. ชี้ขึ้น .. Indicator มาเพียบ ก็เล่นซิ .. แล้ว ก็ ไปต่างจังหวัดเลย .. ปิดเที่ยงครึ่ง ก็ยังขึ้นอยู่ ก็ โอเค .. บ่ายๆ เย็นๆ ก็ยังขึ้นอยู่ .. ก็เฮฮา คุยกับมาร์ สนุกสนาน .. มาร์ถาม เอาไง คุณปุย .. S50H11 ลอยไม่มีถอยเลย .. ก็ถือซิ ..
..
ค่ำๆ มาเปิด กราฟ ดู มันดูดีนะ ปิด High เลย แต่มันมี สัญญาณ น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง เช่น STO. Peak แล้ว
ดูท่าเด้ง แบบนี้ จะไปได้ไม่ไกล ... ความเป็นไปได้ ที่คิดไว้ คือ
1. เปิดโดด แล้วลากไป สัก 720 แล้ว ลง เลย
2. เปิด แล้วค่อยๆ ลากกลับได้ High เดิม แต่ให้น้ำหนักน้อยกว่า
3. ไม่โดด แต่ เลี้ยวลงเลย แล้วก็ลงไปเลย แบบนี้ ให้น้ำหนักน้อยที่สุด

คิดถึงความน่าจะเป็นได้แล้ว ก็ คิดถึงกลยุทธ ที่จะ Action
ถ้า แบบ 1 เปิดโดด แล้วถอย มาปิด Gap ค่อย Close
ถ้า แบบ 2 มันเปิด โดด แล้ว ต้อง ไม่ปิด Gap ก็ยก Tailing Stop ตามไป แท่งต่อแท่ง
ถ้า แบบ 3 มาต้อง Stop Loss ไปดูอาการก่อนเลย
.. เรียบร้อย วางแผนเสร็จ จดใส่สมุดบันทึกเรียบร้อย ...
..
เช้ามา ก็เป็นอย่างภาพเลย
..

..
เปิด เช้า 20 ม.ค. มา มันลงเลย แล้วลงแบบ กระโดดลงด้วย ... (คิดในใจ มันพลิกล็อค ออกแบบที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดที่สุด)  .. ก็ว่าไปตามแผน Close ครับ Stop LOSS ที่ราคาเปิดเลย ...
สรุปผล รอบนี้ เจ๊า กันไป  ขาดทุน ค่า Comm.
..
พอช่วงสายๆ ไหลลงมา อย่างแรง มาร์ โทรมากดดัน เอาไงดี .. ก็ถามไป ว่า ทำ Low ว่า วันที่ 17 , 18 ที่เป็น Neckline รึยัง .. คำตอบก็คือยัง .. ถ้ายังก็ดูไปก่อน ...
พอบ่าย .. แท่งราคา เปิด ทิ้งหลุด Low ตรง 704-705  ... เปิดดูราคา ใน Streaming Pro ของ SETTRADE
ของเค้า ก็ดีจริงๆ นะ Ticker วิ่ง เร้าใจจริงๆ เสียอย่างเดียว ไม่มี Indicator ให้ดู
..
บ่าย วันที่ 20 S50H11 เปิด 702.xx แล้วไหล ลงไป 700.xx ..
ขณะตอนที่ ปิด บ่าย ราคา New Low แล้ว ... MACD ใน 60 min ก็ลงน้ำไป Zone ลบ แล้ว
แต่ทว่า ถามมาร์ ไป Sto. เท่าไหร่ ... ได้คำตอบ 10 กว่าๆ ... (คิดในใจ ..อ้าว OverSold จะเปิด Short ได้ไง ฟะ) ก็เลยตอบ มาร์ ไป ว่า รอดูไปก่อน...
..
พอวางหูโทรศัพท์ เท่านั้น แท่งราคา ดีด จาก 700 ลากกลับทันที เห็นอาการ ตบ Offer ทีละ 2-3 ช่อง ลากขึ้นแบบไม่น่าเป็นไปได้ ... (คิดในใจ.. ฮึๆๆ .. ดูซิจะมีแรงลากแค่ไหน)
เย็นๆ ใกล้ปิดตลาด คุยกับมาร์ ว่า ไม่ทำอะไร รอดู.....
...
พอดึกๆ มาดูกราฟ พบว่า วันที่ 20 ,
1. EMA ใน 60 min กางออก ทุกเส้น  -->  ไม่มีทางขึ้น
2. แท่งราคา ไม่สามารถ ยืนบน EMA ได้เลย --> ยังไม่มีสัญญาณขึ้น
3. MACD ใน 60 min อยู่ใต้น้ำ ในแดนลบ  เมื่อเทียบกับ MACD ช่วงวันที่ 17-18
   MACD ของ วันที่ 20 มันติดลบมากกว่า  --> No Way to go UP.
4. STO. กลับตัวแล้ว และค่า K > 20% แล้ว  --> ยังไม่ให้น้ำหนัก เพราะ STO. ความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด
   อาจเด้งสั้นๆ แล้วลงต่อ
...
.. ความน่าจะเป็น ที่จะเป็นไปได้
a. ลงเลย และลงลึกด้วย เพราะจะเป็นการลงตัด Neck Line ของ Double Top
b. ออกข้าง ไปทั้งวัน แล้วทิ้งตอนเย็นๆ แต่แบบนี้ ให้น้ำหนักน้อยกว่า
c. ขึ้นต่ออีกหน่อย แล้วค่อยลง
..
ถ้าเป็น แบบ a. ต้อง Open Short ทันที แล้ว ไปรอลุ้นอีกที แถวๆ LoW เดิมแถว 692-693
ถ้าเป็น แบบ b. c. ก็คงอยู่ เฉยๆ ไม่ทำอะไร
..

เช้า วันที่ 21 ม.ค. ผลออกมา ก็ได้ ดังใจ .. เปิด ลง และไหล เร็วมาก
เปิด Short ได้ ที่ 702 ก็สวยอยู่  ... หลังจากนั้น ก้ไม่ต้องสนใจอะไร แล้ว ลุ้นไป
พอ บ่ายๆ ราคา ไม่ลงต่อ  และเป็นวันศุกร์ ด้วย ก็ปิด ซิครับ 694 จัดการไป
...
..
ถึงตอนนี้ ถ้า ถาม ว่ามองยังไง .. ดูภาพ ครับ ไม่ขออธิบาย ... ตีความกันเอาเอง
..

..
..
ปุกปุย

.
.

  <-- Previous :  มอง SET ผ่าน S50_con
   Next : --> 2011 January Effect -- ต้มยำกบ

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

วิถี..นักลงทุน

 ที่ใดมีผู้กล้า ย่อมต้องมีคำว่า "ตัวกูเก่ง"
ก็ไม่ได้จะบอกว่า ผู้เขียน ไม่มี คำนี้ .. มันก็มี แว๊บๆ มาบ้าง มากบ้างน้อยบ้าง ตามจังหวะ ชีวิต
แต่ไม่ได้คิดจะไปหลงยึดติดอะไร  เพราะตัวตนของเราเป็นอย่างไร นั้น ตัวเราย่อมรู้ดี
แต่จะไป เทียบกันทำไม ว่าใคร "เก่งกว่า" .. มันหาเหตุผล อะไร ไม่ได้
แต่ถ้าจะเทียบ คิดว่าเทียบกับ ตนเองดีกว่า ว่า การตัดสินใจ ครั้งนี้ กับ ครั้งก่อน มันต่างกันตรงไหน
อะไร ดีกว่ากัน อะไรด้อยกว่า กัน และ พัฒนาตนเอง จากจุดนั้น ให้ ชีวิต ความคิด และจิตวิญญาณ ได้ก้าวหน้าต่อไป ไม่ดีกว่าหรือ....


   ก็บ่นไปก่อน ที่จริง น่าจะเอาเป็นบทสรุป ...สุดท้าย
แต่เนื่องจากตั้งใจ จะไม่เรียบเรียง อะไร ในบทความนี้ จะพิมพ์ ไปเรื่อยๆ ตามที่คิดได้ ณ ตอนที่ ปลายนี้วสัมผัส  ดังนั้น ที่จะได้อ่านต่อไปนี้ คงจะหาสาระอันใดไม่ได้ .. ใครที่อยากได้สาระ แนะนำให้หยุดอ่านเลยก็ได้.. ไม่ว่ากัน
..

   เหตุที่ มาบ่น อะไร ต่ออะไร ตอนนี้ เพราะ มักมี คำถาม หรือ ข้อโต้แย้งให้ผ่านหู ผ่านตา มาอยู่เสมอว่า
เป็นนักลงทุน แนวไหน .. เทรดยังไงดี... ใช้เครื่องมืออะไรดี... ดูงบการเงินไหม...
.. สุดท้าย เคยมานั่งทบทวน ตัวเอง เหมือนกัน ว่าเป็นแบบไหน .. ถ้าโดนถามอีกจะตอบยังไง ดี
เพราะตอนโดน ถาม บางที มันตอบไม่ได้ อธิบายลำบาก .. แล้วไง (วะ)
บางที ไม่ตอบ เพราะไม่รู้เหมือนกัน บางทีก็บอกไป ว่าเทรดตามจังหวะ ตามรอบ.. ก็โดนหาว่า เป็นพวกเล่นสั้น เก็งกำไร..  เอออ... จะว่าใช่ก็ได้ ก้มีบางตัวบาง ครั้ง เราก็เล่นสั้น เก็งกำไรจริงๆ แต่บางทีก็แย้งในใจ แล้วที่ ถืออยู่ใน พอร์ท บางตัวมัน ก็หลายปีแล้ว %กำไร ก็ มากกว่า 30 แล้ว ยังไม่ขาย เอาแต่ปันผล
แล้วมันจะเรียก ตัวเองว่า เล่นรอบเก็งกำไร ได้ไหม เนี่ย ...
  บางคนพอรู้ ว่าเรา มีหุ้นถือยาวกินปันผล .. ก็บอกว่า เราเป็น VI เป็น พวก Value Investor ชวนคุย เรื่องงบการเงิน ผลประกอบการ P/E , P/B ของบริษัท นั้น นี้ ...  ... เฮ้อ!!!  แล้วกรู จะรู้เรื่องไหมเนี่ย บางบริษัท ก็อ่านข่าวมาบ้าง บางบริษัท มันทำอะไร ยังไงไม่รู้เลย แค่งบบริษัท ตัวเอง ที่ทำอยู่ ดูเอง ก็มึนแล้ว... จะให้ไปตามดูงบบริษัท อื่นอีกเหรอ ... ... ก็ตอบคนถาม ไม่ได้อีกแล้ว ... ก็ได้แต่บอกเขาไป แบบถนอมน้ำใจ ว่า ไม่ค่อยว่างดู ครับ ... ดูเฉพาะ ที่สนใจ ครับ ...  เอ้า ถามต่ออีก สนใจตัวไหน ... (เอ้า ใบ้อีกกรู) ...
คุยไปคุยมา บางคนถามว่า พี่ไม่เหมือน พวก VI คนอื่นเนอะ ... (จะเหมือนได้ไงฟะ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น)
... พอถูกถาม ว่าเลือกหุ้นยังไง เออ.. ตอบไม่ถูกอีก ... ก็ ตัวไหน มีข่าวดี มีงานเข้า ก็เลือกดูตัวนั้น ล่ะ
ดู P/E , P/B, %Div. บ้าง แต่ก็ดูกราฟประกอบนะ ... เออ งงๆ ดีไหม
บางคนถาม มาเราตอบไป ว่า ดูกราฟ .. เท่านั้น โดนสรุปเลย ว่า เป็น เทคนิคคอล .. เออ เป็นครับ ใช่ครับ
ใช้เทคนิคคอล ในการเทรด จริงๆ ครับ ถ้าเป็นคอ Value ก็ไม่อยากคุยกับเราต่อแล้ว  แต่บางพวกที่ใช้ เทคนิคคอล ก็จะถาม แนวรับแนวต้านตรงไหน ใช้เครื่องมืออะไร ....
...ก็คุยได้ ครับ เพราะ แรกเริ่มเทรด เราก็เป็นแบบนั้น เชื่อ เครื่องมือเยอะ ก็โดน เครื่องมือหลอกเอา ก็เยอะ
สัญญาณ เข้าซื้อมาแล้ว MA ตัดขึ้นแล้ว STO. ตัดขึ้นมาแล้ว เอ้า ก็ซื้อซิ แล้วไง วิ่งไปชั่วโมงเดียว กลับตัวทำ New Low เฉยเลย  .... ก็โดนซิ เข้าเนื้อ ... ก็มีหมดความเชื่อถือ กับเครื่องมือบางตัวไป หลายตัวก็ยังใช้อยู่ เพราะไม่รู้ จะใช้อะไร ช่วยตัดสินใจดี ... ให้ฟังนักวิเคราะห์ เหรอ คนนั้นเก่งนะ คนนี้แม่นนะ โอ้.. ให้แนวรับแนวต้าน ตรงเลย .... ก็จะครับๆ แล้ว บอกตนเองในใจ (ให้ทำอย่างนั้น ต่างยังไงกับไปขอเลขเด็ด ขูดต้นไม้ แล้วซื้อหวยวะ) ... เชื่อเพราะ คนพูดน่าเชื่อเป็นข้อห้าม มิใช่หรือ ...
..
.. จงเชื่อในสิ่งที่ตนพิสูจน์แล้ว ไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ มีอาการ " รู้งี้ " .... เฮ้อ!!
..
ก็ตอบคนอื่น นะว่า .. ใช่ครับ ผมเป็น Technical Trader ใช้ Indicator ในการเทรด...
..
แต่มันก็เป็น เพียง วิถี มิใช่หรือ  ....
จะ Value , Technical , หรือ System Trade อะไร ก็แล้ว แต่ ล้วนแล้วแต่เป็น วิถี เท่านั้น
.
จะใช้ P/E , P/B, ดูงบการเงิน หรือ จะเทรดตามโปรแกรม ที่มัน Alert หรือ จะเทรดโดยใช้ Indicator ดูกราฟ นับคลื่น... เหล่านี้ ก็ล้วน เป็น เครื่องมือ เป็น อาวุธ ที่ ใช้ในการ เทรด ทั้งสิ้น
.
จะเป็น มือกระบี่, นักดาบ , ซามูไร , อัศวิน , นินจา หรือ Gladiator ก็ล้วนแต่เป็นผู้กล้า อัน เยี่ยมยุทธ
 ในใต้หล้า...   จะมาเสียเวลา ถกเถียงกันไป ทำไม ว่าใครดาบไวกว่า ใครดาบคมกว่า วิชาของใครสูงส่งกว่า ... ก็ล้วนแต่ เป็นอวิชชา ยึดติดใน "ตัวกู" "ของกู"

มีแต่ ผู้ที่ฝึกฝน จนมั่นใจ ในสิ่งที่ตนถนัดเท่านั้น จึงจะใช้ออกได้ดั่งใจ .. ใช้จังหวะเวลา ที่เหมาะสม ลงมือกระทำในช่วงขณะ นั้น ให้ได้ผลสัมฤทธิ์ ดังเป้าหมาย...
..
จะสิบวิถี  ร้อยวิชา หรือหมื่นดาบ .. สุดท้าย ก็มุ่งสู่จุดหมาย เดียวกัน ในการลงทุน  คือกำไร..
..
ไม่มีประโยชน์ อันใด ที่จะไปถามว่า อะไร เก่งว่าอะไร ใช้อะไร ได้กำไรมากกว่า หรือใครเก่งกว่าใคร
..
สุดท้าย วิถี ก็ยังคงเป็น วิถี อยู่อย่างนั้น  .. ดาบก็ยัง คงเป็นดาบเช่นที่มันเป็น .. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
มีแต่คนถือดาบ เท่านั้น ที่เปลี่ยนแปลง .. แปรเปลี่ยน ไปตามสภาพ .. สภาวะ.. สิ่งเร้า.. และจิตของตนเอง
...
..
..
จะเทรดแบบไหน ก็ล้วนแต่ เหมาะสม เลือกใช้ ที่เหมาะกับตัวตน จริต ของเรา
แล้วฝึกฝนให้ชำนาญ .. วางแผนให้ รับมือได้กับทุกสถานะการณ์
ที่เหลือก็ คือ จิตสภาวะ ที่มั่นคง สติกำหนด รู้จังหวะ ที่เหมาะสม ...
... ได้อย่างนั้น แล้ว ผลตอบแทน ที่ได้รับ คงจะสาสม ใจมิใช่น้อย
..
..
ถึงวันนี้ จะยังทำไม่ได้ ดังที่ กล่าว แต่ก็ยังจะ มุ่งมั่น พัฒนา ต่อไป ให้ถึงระดับนั้น ...
...
..
บ่น มาเพียงพอแล้ว
..
สวัสดี ..
ปุกปุย
..
..

..

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

มอง SET ผ่าน S50_con

เห็นหลายๆ คน พูดถึง SET ว่าจะอย่างนั้น อย่างนี้ บ้างก็ว่า จะไป 1200 จุด บ้างก็ว่า 1700 จุด หรือบางคนก็บอกว่า ที่ลงมา 1008 จุด จะไม่ลงอีกแล้ว พักตัวตรงนี้จบเมื่อไหร่ จบแน่นอน ....
เคยสงสัยว่า เขาดูกันยังไง เขาหา ตัวเลข พวกนี้มากจากไหน ก็เป็นไอเดียนึง ที่ กำลังหาทางเอามาพิสูจน์ให้ดูกัน .. แต่ว่าตอนนี้ ขอย้อนกลับมาดู SET ในปัจจุบันกันก่อน  แต่ว่าดู SET ไปก็อาจจะไม่ได้เงิน อะไร
ดู S50_con ดีกว่า.....

!!?? บางคนน่าจะสงสัย S50_con  มันอะไร วะ ..... มันก็คือการเรียกดูกราฟ ของ Set50 Future ทุก Series เอามารวมกันหมดเลย ...
ที่ทำแบบนี้เพราะว่า ลำพัง S50H11เพิ่งจะเริ่มต้น ในเดือนก่อนๆ มี Volume การเทรดน้อย เพิ่งจะมาหนาแน่นขึ้น ในช่วงก่อน 25 ธ.ค.53 ที่ผ่านมาเอง ดังนั้น การวัดค่าต่างๆ อ้างอิงในช่วงที่มี Volume น้อยๆ จึงจะมีความคลาดเคลื่อนสูง ดังนั้น จึงใช้ S50_con รวมข้อมูลของทุก Series ย้อนหลัง ไป ทั้งหมด จะทำให้ ข้อมูลมี Volume การวัดค่า ทางเทคนิคต่างๆ ก็จะแม่นยำมากขึ้น
..
.... เข้าใจอย่านี้แล้วมาดูกัน
.. ใน หลายวันก่อน แอบ เอา S50_con มาแสดงไว้ แต่ไม่อธิบาย ก็เอามาดูกันอีกที ...
..
.. ในวัน ที่  10 ม.ค. ที่ผ่านมา หน้าตา สัญญาณ ทุกอย่าง บอกว่า ฉันจะ ลงแดง โดยพร้อมเพรียงกัน
แต่ พอร์ท TFEX ของเรา ลงเขียว ครับ เพราะมันมีสัญญาณให้ ทะยอย มันอัดลงมาตั้งแต่ 723 , 718, 713  
ก็เพิ่มเข้าไป ได้ตลอดทาง
   วิธีดู ...
   1. ราคาขึ้นไป 730 (6 ม.ค.) แล้ว MACD  มัน หัวต่ำลง กว่า 730 อันก่อน แสดงว่า Divergent signal เกิด แสดงว่า เตรียมลง .. แต่ยังไม่ลง

  2 วันที่ 7 ม.ค. ขายทะลัก ลงมา แท่งราคา ใน Day ตก EMA5 และตก EMA15 ในท้ายตลาด 
           -->  Confirm Down Signal # 1
+ MACD ถอยต่ำกว่าวันก่อน (แต่ยังไม่ตก Signal Line)  --> Just Warning , Not confirm
+ Mod.Stoch %K ตัดลงใต้ %D และหลุด 80%  --> Confirm Down Signal #2
เกิด การยืนยัน สัญญาณ ถึง 2 ใน 3 --> ใจกล้า Open Short ได้  ใครใจไม่กล้า รอ วันถัดไปก็ได้

  3. วันจันทร์ ที่ 10 ม.ค. เปิดตลาดแล้ว ลงเลย ตอนนี้ ใครไม่กล้า ควรจะกล้าได้แล้ว เปิด Short เช้าวันจันทร์ ได้เลย ... ยังมีคนไม่กล้า .. เอาอย่างนี้ ดูต่อก็ได้ 10.30น. แท่งราคา ลงต่ำกว่า 710 แล้ว ตรงนั้น
  แท่งราคา ใน day ลงต่ำกว่า EMA35 สีฟ้า  ---> CLEARLY DOWN ยีนยันการลง ชัดเจน
   + MACD ถอยต่ำกว่า Signal Line  --> Confirm DOWN # 2
   + Mod. Stoch. %K ตัดลง และห่างจาก %D มากๆ แสดงว่า มีการแกว่งตัวลงของราคา อย่างรุนแรง
    ---> Confirm DOWN # 3
เป็นการยืนยันการลง ครบทั้งหมด ถ้า ยังไม่กล้า Open Short ให้กลับไปทบทวนตัวเองว่า ควรเล่น TFEX  ด้วยเทคนิคคอลไหม หรือกลับไปเทรด หุ้น แบบติดดอย ถือลงทุน แบบเดิม ดีกว่า เพราะติดหุ้น ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่ติด TFEX ไม่ขาย โดน Call Margin นะครับ

จากภาพ เราก็หา Target ได้ โดย พิจารณา 

1.  เนื่องจาก ราคา ไม่ไปไหน ไปข้างๆ แบบนี้ เป็น Corrective Wave การ Label ต้องเป็น a-b-c
 ลงมาเป็น [a] เด้งไปจนสุด เป็น [b] แล้วพอเริ่มทิ้ง ให้เป็น [c] จากภาพนี้ (10 ม.ค.) wave [c] ยังไม่จบ
ในการหาระยะ ใช้ Fibonacci Retraced Line  โดยตีเส้น ให้ระยะ wave [a] เป็น 0-100% แล้วยก แนวเส้น 0.0% มาวางไว้ที่ 730 ซึ่งเป็น ปลายของ wave [b] เพื่อ คาดการณ์ หาเป้าหมายของ wave [c]

ทันทีที่ตีเสร็จ เราพบ ว่า SET ก้านของแท่งราคามาหยุดที่ 61.8% พอดี และ S50_con หลุด 61.8% เล็กน้อย แต่เด้งกลับมา Close ที่ 61.8% ได้
อาการแบบนี้ เรียกว่า ถึงเป้าหมายแรก เพราะ ตามทฤษฎีคลื่น แล้ว การที่ wave [c] สั้น กว่า wave [a] นั้น wave [c] ควรจะยาวอย่างน้อยที่สุดเท่ากับ 61.8% ของ wave [a]  ซึ่งการหยุดบนเส้น 61.8% แบบนี้ จะนับว่าถึง ที่แล้วก็ได้ 
หากวันถัดไป ลงต่อ ก็น่าจะไปต่อจนถึง แนว EMA90 สีม่วง หรือ ประมาณ 80% หรืออาจจะยาวลงไปที่ แนว 100% ก็ได้
แต่หาก วันต่อไป ชะลอตัวหรือเด้ง อาการแบบนี้ ต้องระวัง และต้อง เจาะลงไปดูในรายละเอียดของ คลื่นในระดับ ชั่วโมง หรือ  5 นาที ซึ่งจะ Advance มากไป ไม่ขอพูดถึง
ดังนั้น ใครที่เพิ่ง Short ตรง 710-715 +/- มีความเสี่ยงที่จะเท่าทุน ถ้าไม่วาง จุดที่จะ Take Profit แล้วปล่อยให้ แท่งราคา เด้งเลยเถิด  ขึ้นมาจะเสียรอบ
...
.

แล้วมาดูกันต่อไป ว่า จะเป็นอย่างไร ในภาพกราฟ วัน ศุกร์ ที่ 14 อีกครั้ง

- + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +

เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ม.ค. 2554  หลังจากตลาดปิดไป พบว่า
มีอะไร หลายอย่าง ที่น่ากังวล มากขึ้นอีก แล้ว  เพราะมันออกอาการ จะขึ้นก็ได้ จะลงก็ได้ อีกแล้ว
ตั้งแต่ วัน อังคาร จนมาถึง วันศุกร์ มีการตะลุมบอน เกิดขึ้น มากมาย แต่ทุกวัน ต่างชาติขายสุทธิ
หุ้นหลายตัวถูกซื้อ กลุ่มธนาคาร เป็น กลุ่มที่ โดนซื้อมากที่สุดกลุ่มนึงเลย
ทำให้ แท่งราคา ของ s50_con เด้งกลับ ขึ้นมาได้ อย่างรุนแรง
แต่การ เด้ง กลับมาที่ประมาณ  717 เมื่อเราวัดสัดส่วน Fibonacci  แล้วพบว่า เป็น การ เด้งกลับมา 61.8% ของระยะทางที่โดนทิ้งลงมา (ภาพข้างซ้าย) ในวันที่ 13 ม.ค.  ส่วนในวันศุกร์ กลับ นิ่งๆ ไม่ไปไหนไกล
และเมื่อดูใน ระยะ 60 นาที พบว่า แท่งราคา ยังวิ่งอยู่ใต้ เส้น Trend Line สีเหลือง ที่ตีเอาไว้

..

..สัญญาณ ที่พบ เริ่มสวนทางกันหลายอย่าง 
1. Mod.Stoch. เริ่มกลับตัวและสูงขึ้น ---> Go UP signal
2. MACD in day พยายามกลับมายืนในแดนบวก แต่ยังไม่แข็งแรงนัก  ---> เตรียมตัวขึ้น
3. แท่งราคา ใน Day กลับตัวขึ้นไป พยายามยืนบน EMA15 ให้ได้ แต่ยังไม่ได้ ---> ไม่แน่ใจ  

ดังนั้น S50_con มาถึง ทางแยก ที่ มี โอกาส ขึ้น ก็ได้ หรือ ลงต่อ อีกก็ได้

คงจะต้องตั้งสติ ในการเทรด จับจ้องมากการเคลื่อนไหว ของราคา ให้ดี
ใครมีของ อยู่ตอนนี้  ควร วาง Take Profit และ จุด Cut Loss ของ แต่ละคนไว้ให้ดี 
ใคร มีของ แต่ไม่ วาง จุด ไว้ก่อน พอตลาด แกว่ง แล้ว จิตหลุด คราวนี้ หาหลักยึดไม่ได้
จะเสียหายหนัก นะ ครับ




ปุกปุย
...


บทความ ที่แนะนำ






วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

เทรดหุ้น ทำไมติดหุ้น

ช่วงเดือน ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเว้นว่างจากการเทรด จริงๆ มีการเทรดเล็กน้อย 2-3 ไม้ แล้ว ก็ หยุดเทรดไปเลย ทำให้ หลังวันที่ 8 ธ.ค. เป็นต้นมา จนปีใหม่ ได้ หนีไปเที่ยวมา  ไม่มีหุ้นติดพอร์ท (ยกเว้น KBANK  ที่เอามัน เป็นผี เฝ้าพอร์ทไว้ จะได้ไม่ว่าง ตั้งแต่ราคา 70 กว่าบาท)
..
ตอนที่ได้หยุดเทรดยาวๆ แบบนี้ ทำให้ได้กลับมาทบทวน การเทรด ของตนเองในช่วง หลายปี ที่ผ่านมา
มีกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่โดยรวม พอร์ทเทรดหุ้น ก็ บวกตลอดทุกปี
เทรดมาหลายปี เคยติดหุ้น ยาวๆ 2 ปีกว่า  เงินไปจมอยู่จะทำอะไร ก็ไม่ได้

ตัวหนึ่ง ที่ จำแม่นเลย คือ ท.อ.พ.

สาเหตุ ที่ ติด ท.อ.พ. ไป 28 เดือน
เพราะตอนแรกจองได้  แล้วตอนเข้าตลาดซื้อเพิ่มได้อีก วิ่งแรงอยู่เดือนกว่าได้ขายเกือบๆ High เลย กำไร ไป 30% กว่า
..โอ้โห!! .. มันเป็นการทำกำไร ก้อนใหญ่ครั้งแรกเลย ดีใจมาก หัวใจมันพองโต
ประกอบกับ เพิ่งเรียนเรื่องคลื่นมาใหม่ๆ นับใหญ่เลย มันก็ถอย a-b-c แล้วเด้ง ทำ New High ตามตำราเลย
ก็เข้าซื้อซิ  ฮึๆ ตอนนั้น อีโก้ สูงมากจริงๆ  นับคลื่นก็เป๊ะ วัด Ratio ก็ใช้ได้เลย คิดในใจอย่างนี้ขึ้น คลื่น 3 วิ่งยาวแน่ๆ เลย ..
... มันไปได้นิดเดียว.. แล้วถอยลงมา ก็ไม่ยอมขาย ... ไป คิดในใจว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้น..
พอขึ้นมาอีกที ก็ดีใจใหญ่ MACD ก็ divergent แต่ความโลภบังตา   เด้งขึ้นมาไม่ขาย ... ถือไปซะอย่างงั้น
ปลอบใจตัวเอง ถือลงทุนๆๆ .. แต่ก็จ่ายปันผลดีนะ..
ถอยลงมาก็ไม่ขาย ... อะไร วะกรู ...

เรียบร้อย ติด ต่อไป อีกปีนึง กว่าจะได้ ขาย ...
ยังดี ได้ขายในราคาที่ กำไร แต่ก็รีบขายเร็วเกินไป เสียโอกาสทำกำไร

..

..
ติดหุ้น คราวนี้ ถึง ไม่ได้ขาดทุน อะไรมากมาย แต่ก็ทำให้ เงิน ก้อนใหญ่ๆ ไปจมอยู่อย่างนั้น
ถ้า คิดในแง่ ลงทุน ไม่ดูราคาหุ้น ก็ ถือว่า ได้ปันผล ดีกว่าฝากธนาคาร .. แต่มันเหมือนปลอบใจตัวเอง
เพราะรู้ทั้งรู้ ว่า เงินอีกก้อน ที่ เทรดไปมาระหว่างที่ ติดตัวนี้อยู่ มันทำกำไร ได้มากกว่าปันผลนั้น

มานั่งสรุป เหตุที่ เป็นอย่างนั้น พบ ข้อบกพร่องหลายอย่าง

1. พออ่าน ถูกทาง แล้ว ประมาท มั่นใจในความคิดมากเกินไป จนไม่ได้ ดูอย่างรอบคอบ รอบด้าน

2. ไม่มองรูปแบบอื่นที่อาจจะเกิดได้ เรียกได้ว่า ไม่มี แผนสำรอง  .. มีแต่แผนบุก ไม่มีแผนถอย ประมาทจนไม่คิดถึง worst case ซึ่งพอเกิด Worst case จริงๆ แล้ว เกิดอาการ FREEZE คือ ไม่ตัดสินใจ ไม่ Cut Loss จนราคามันถอยลงไป เกินกว่า จะตัดใจ Cut Loss ได้

3. โลภ ขาดสติ ... ตาเห็น สัญญาณ ขาย ตลอดเวลา ทั้ง MACD ถดถอย ตัดเส้น ลงน้ำ EMA พลิกลง
แท่งราคา ตัดลงใต้ EMA .. มันมองเห็นทุกอย่าง แต่ ความโลภ มาปิดกั้น ไม่ให้สมองสั่งงาน
ฝันกลางวัน ติดกับดับ จิตใจตนเอง เอาแต่คิดที่คาดไว้ว่า ราคาจะขึ้นไป แต่ไม่เรียกสติกลับมา สู่ความจริง ที่ว่า ราคา มันทำสัญญาณขาลง ลงมาเกินจุดที่ จะกลับขึ้นไปได้แล้ว

4. การที่หุ้น ติดลบอยู่ในพอร์ทนานๆ มันเป็นเหมือน หนามแทงใจทุกครั้ง ที่เห็น ซึ่งเห็นแทบทุกวัน เหมือนมันฝังเข้าไป ในความจำ ว่า อยากขายๆๆ
 สุดท้ายพอราคา กลับขึ้นไป ได้ กำไร นิดหน่อย ก็รีบขายเลย .. ไม่ได้ ดูว่า สุดท้าย จริงๆ แล้ว ราคาขึ้นมาจะไปได้ไกล เท่าไหร่ ทำให้ เสียโอกาส ในการ ทำกำไร ที่ควรจะได้

..
..
เป็นหนึ่ง ในความผิดพลาดครั้งหนึ่ง ที่มักเอามาตอก ย้ำตัวเอง อยู่เสมอ ...
ยังมีความผิดพลาด อีกมากมาย เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฝากรอยแผลไว้ แต่ก็ล้วนทำให้ มีประสบการณ์มากขึ้น ...
ผู้ใหญ่ หลายท่าน สอนมาเสมอ ว่า
" คนที่ไม่เคยผิดพลาดเลย คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย "
" จงนำความผิดพลาดที่ได้รับ ไปเป็นขัดเกลาตนเองให้เฉิดฉาย "
" จงนำความผิดพลาด มาเป็นพลังที่จะลุกขึ้นก้าวเดินต่อไป "
" จงมองให้รอบด้าน ทำการบ้านให้หนัก เตรียมตัวให้พร้อม สุดท้ายอะไร จะเกิด จะได้ไม่เสียใจว่า ..รู้งี้.."
..
..
..
ปุกปุย
..

บทความ ที่แนะนำ
1. ความผิดของใคร...ล่ะ
2. เหตุเกิดที่เส้นค่าเฉลี่ย ภาค 2: 5 อัศวิน EMA - ตอนแรก
3. MACD Behavior Part 2 ; ตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย .. ง่ายอย่างงั้นเลยย (ตอนแรก)

..



 <-- Previous :  เกิน .. คำบรรยาย
   Next : --> มอง SET ผ่าน S50_con

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

เกิน .. คำบรรยาย

ไม่มีคำบรรยาย ใดๆ สำหรับ บทความนี้ เพราะ แต่ละภาพ มันเกินคำบรรยาย ..
และไม่ต้องบรรยาย อะไร มาก ดู ไป ก็พอจะเข้าใจได้
..

1. ค่าเงินบาท ..
..

2. Gold Price - Scenario 1
..
..

3. Gold Price -- Scenario 2
..

..

4. SET & S50H11  on  2011-01-10
..

..
5. อะไร เอ่ย ....

..

ไม่ต้องบรรยาย อะไร มาก
ใช้วิจารณญาณ กันเอาเอง นะครับ ไม่ได้ชี้นำอะไร
แค่การมองของ คนคนหนึ่ง ที่ คิดว่ามันน่าจะเป็น
ไม่ต้องเชื่อ .. แต่ให้ลองทำเอง พิสูจน์ ด้วยตนเอง
..
ปุกปุย



 <-- Previous : โอ้ว .. น้ำมันดิบ Crude Oil ...
  Next : --> เทรดหุ้น ทำไมติดหุ้น

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

โอ้ว .. น้ำมันดิบ Crude Oil ...

หลายคน คงจำกันได้ ว่า เมื่อ กลางปี 2007 จนถึง กลางปี 2008 ที่ ผ่านมา เกิดอะไร ขึ้น กับ ราคาน้ำมันดิบ
..
.. จำไม่ได้ ก็จะบอกให้ว่า ราคาน้ำมันดิบ ได้ พุ่งขึ้น จาก $US 70  ไปที่ $US 146 แล้วหลังจากนั้น ใช้เวลา เพียงครึ่ง เดียวของ ที่ราคาน้ำมันวิ่งขึ้นไป ลงมาถึง $US 33 ใน Jan. 2009
..
ความสาหัสของ ราคาน้ำมันดิบในครั้งนั้น เรียกได้ว่า โหดร้าย ทารุณ และทำให้กิจการ แก้สเชื้อเพลิง กลับมารุ่งเรือง เป็น อีกทางเลือกหนึ่งของพลังงาน กระแสพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ ถูกปลุกขึ้นมา อย่างรุนแรง..
..
มาถึง วันนี้ ราคาน้ำมันของหลายคน ค่อยๆ ไต่ระดับ กลับขึ้นมาอย่ที่ 80 USD
เรียกได้ว่า กลับมาอยู่ ที่ ครึ่งทาง ของจาก $US 146 ลงมา $US 33
..
..
นี่เป็น เพียงภาพความเห็น ของ คนเพียงคนนึง ที่ มองราคาน้ำมันดิบ ต่อจากนี้ต่อไป ใน อีก 1-2 ปีข้างหน้า
..
..

ปล. คงได้เติม น้ำมัน ลิตรละ 30 กว่าบาท ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ

ปุกปุย

..

.
 <-- Previous : ย้อนมอง SET 2010
   Next : --> เกิน .. คำบรรยาย




..
..

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

ย้อนมอง SET 2010

ปี 2010 หรือ พ.ศ.2553 จบไปแล้ว พร้อมกับ การวิ่งขึ้นตลอดทั้งปี ของ SET Index
..
เมื่อย้อนมองภาพใหญ่ ของ SET Index จากที่เคย ทำไว้ เมื่อ เดือน สิงหาคม 2553
พบว่า..
ในตอนนั้น SET Index ยังไม่ถึง 1000 จุด เลย เพียงแค่ขึ้นมา ใกล้ยอดสูงของปี 2008 เท่านั้น
ตอนนั้น เพียงตั้งข้อสังเกตุของการ ทะลุ 1000 จุด ขึ้นมา ที่ระดับ 1124 จุด
..
..
และในอีกมุมมองหนึ่ง เมื่อเราตีเส้น Trend Line แบบ คู่ขนาน แล้ว ก็
พบว่า ..
SET Index มีการเคลื่อนตัวขึ้นมา อย่างน่าสนใจทีเดียว  มีแนวสัมผัส ของเส้นคู่ขนาน ที่ มีนัยยะ อย่างมาก
..
..
..
..
-------------------------   ใน เวลา ต่อ มา -----------------------
.
.
.
จนมาถึง วันนี้   4 มกราคม 2554  ... ขึ้นปีใหม่แล้ว
.
.
ก็คงจะต้อง เอาภาพ กราฟ เดิม มา Updated กันใหม่
ก็พบว่า..
.
เวลา ที่ผ่านมาอีกไม่กี่เดือนนั้น SET Index ได้ ข้าม 1000 จุด ขึ้นมาเรียบร้อย แล้ว
และ เข้าใกล้ แนว ปะทะแรก ที 1124 มากขึ้น
แต่สัญญาณของ EMA และ MACD ยังไม่มีทีท่า ว่าจะอ่อนแรง ลงเลย
มีเพียง Stochastic เท่านั้นที่ > 80 ก็หมายถึงการเข้าใกล้ช่วงปลายแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ ฟ้องว่า ถึงจุดที่สูงสุดแล้ว
..
..
..
เมื่อ ใช้ สัญญาณ ทุกอย่าง มาพิจารณารวมกันแล้ว อาจจะตีความได้ว่า..
น่าจะมีการ ย่อ ตัวลงมาเล็กน้อย หรือ ออกข้าง ก่อนที่จะดีด ตัวขึ้นไป เป็น ครั้งสุดท้าย
แต่ จะเป็นเท่าไหร่ หรือ แบบไหน .. ไม่มีใครทราบได้
.. คงต้องติดตามกันต่อไป...
..
อีกภาพ ของ การวิ่งในเส้นคู่ขนาน.. ก็พบว่า สัมพันธ์ ที่น่าสนใจ อยู่
แท่งราคานั้น เข้าใกล้เส้นบน ของ ช่องคู่ขนานมากขึ้น ..
การไต่ระดับ ขึ้นไป น่าจะ ค่อยๆ เกาะ เส้นคู่ขนาน ไป เรื่อยๆ ..
แต่จุดสูงสุด จะเป็น 1124 , 1155 หรือ 1177 ก็ คงจะไม่มีใครรู้ได้
..
..
ในด้านของเวลา ก็น่าสนใจไม่น้อย
การทิ้งตัวของ SET Index ตั้งแต่ปี 1994 - 1998 นั้น ใช้เวลา ไป 55 เดือน (เป็น Fibonacci number)
และการวิ่ง กลับขึ้นมาในช่อง คู่ขนาน จนถึง 900 กว่าจุดในปี 2007 นั้น ก้ใช้เวลา ไป 110 เดือน พอดี
เป็นการแสดงพฤติกรรม ของ การ เป็น Corrective Wave ขนาดใหญ่ อย่างชัดเจน
ดังนั้นในการ วิ่งขึ้น 110 เดือน นี้ คงจะ Label 1-2-3-4-5 ไม่ได้แน่นอน คงเป็นได้ เพียง
การ Label wave A-B-C ที่มี Sub-wave เป็น A:3 - B:3 - C:5 เท่านั้น
..
จากนั้น ความน่าสนใจอยู่ที่ ปี 2008 , SET Index ทิ้งตัวอย่างรุนแรง จากวิกฤตการซับไพร์ม ทำคลื่นหน้าตาคล้ายกับตอน ต้มยำกุ้ง มากๆ แต่ Scale เล็กกว่า โดยใช้เวลา 13 เดือน (เป็น Fibonacci Number)
ทำให้ ห่วงว่า การวิ่งขึ้นมา จาก 375 จุด ในรอบนี้ ทำยอดสูง ทะลุ 1000 จุดไปแล้ว
จะไปไม่ได้ไกลนัก เพราะในด้านของเวลา Cycle 2 เท่า ของ 13 เดือน ก็คือ 26 เดือน
ได้มาถึง ในช่วงสิ้นเดือน มกราคม 2554 หรืออาจจะเป็น ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้ แล้ว
..
แต่ นี่ ก็เป็น เพียงการ คาดการณ์ ตามภาพกราฟ ที่มองเห้น และ ตั้งข้อสังเกต เพื่อ สร้าง Awareness
ไว้ จะได้ ไม่ประมาท กับการวิ่งขึ้น ของ ราคาหุ้น ต่างๆ จนเพลิดเพลินเกินไป น้่นเอง
..
ไม่มีใคร ทราบอนาคตได้ .. ใด้แต่ใช้ประวัติศาสตร์ มาตั้งข้อสังเกต ความเป็นไป เท่านั้น ...
..
..

.
..
ปุกปุย


บทความ ที่แนะนำ

1. MACD Behavior Part 1 ; show Direction

2. Sing a Song : Head-Shoulders-Knee and Toes ; Part 1

3. ใช้ EMA หา Direction



.
 <-- Previous : SET จ้า ... เจ้าจะ ต่ำ พัน จุดไหม : ตอน 2
   Next -->  : โอ้ว .. น้ำมันดิบ Crude Oil ...
.

.