ในความเป็นจริง โลกของนักลงทุนมันโหดร้าย เพราะมันเป็นโลกที่มี ทั้งคนได้เงิน และเสียเงิน คนที่ควบคุมความเสี่ยงของตนเองไม่ได้ ก็เท่ากับยอมรับความเสี่ยงไม่จำกัด...
...
...
เกริ่นนำ ต้นฉบับหนังสือเล่มใหม่ มาขนาดนี้ มันฟังดูดีจริงๆ ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ หันมายกแก้วกาแฟร้อนๆ ขึ้นมาดื่ม .... อืมมม!!! ... กาแฟร้อนในแก้วเซรามิกสีขาวที่มีโลโก้นางเงือกสองหาง กับบรรยากาศสบายๆ ในบ่ายวันหยุด ... มันช่วยให้ความคิดลื่นไหลได้ดีจริงๆ พอวางแก้วกาแฟ กำลังจะหันไปพิมพ์ต่อ สายตาหันไปประสานกับสายตากึ่งมุ่งมั่น กึ่งคุกคาม คู่หนึ่ง เป็นสายตาของน้องผู้ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางจริงจังคนหนึ่ง มายืนอยู่ตรงหน้า กำลังจะเอ่ยถามว่า "น้องมีอะไรรึเปล่าครับ" แต่ไม่ทันน้องถามสวนมาเลยด้วยน้ำเสียงกังวลปนตื่นเต้น
"พี่ปุย... Wave Rider ใช่ไหมครับ.."
แล้วบทสนทนาที่น่าสนใจของเรา ระหว่าง "น้องมือใหม่" และ Wave Rider ก็เริ่มขึ้น ...
....
น้องมือใหม่ : .. ใช่พี่ปุย ... ที่เขียนหนังสือ โต้คลื่นหุ้น.. รู้ทันเทคนิค จริงๆ เหรอครับ
Wave Rider : . ใช่ครับ .. ( เอ่อ ... มีอะไรไหมนี่)
น้องมือใหม่ : .. พี่ปุยช่วยเซ็นต์หนังสือให้หน่อยครับ ..
(แล้วน้องก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบหนังสือ โต้คลื่นหุ้น ออกมา..)
Wave Rider : . ได้สิครับ ... เอ่อ!! น้องครับ ทำไมหนังสือมันมีโพสอิทติดเต็มเลยล่ะครับ
น้องมือใหม่ : .. แฮะๆ ... ผมอ่านไป 3 รอบ แล้วครับพี่ปุย ตรงไหนที่สำคัญ น่าสนใจ อ่านบ่อยๆ ผมก็ติดโพสอิท ไว้ครับ บางบรรทัดอ่านแล้วโดน ผมเอาไฮไลท์ป้ายไว้ด้วยครับพี่
Wave Rider : . ทำขนาดนั้นเลยเหรอ ... (ติดโพสอิท ขนาดนี้ มันจะอ่านไปสอบ ที่ไหนวะ เนี่ย)
เรียบร้อยแล้วครับ
น้องมือใหม่ : ..ขอบคุณครับพี่ปุย หนังสือของพี่อ่านเข้าใจง่ายจริงๆ เลยครับ ผมดูกราฟเข้าใจมากขึ้นก็เพราะอ่านหนังสือของพี่เลยล่ะครับ
Wave Rider : ขอบคุณครับ ... ยินดีที่เป็นประโยชน์ นะครับ...
น้องมือใหม่ : .. เอ่อ!! .. พี่ปุยครับ ผมมีข้อสงสัยนะครับ ถ้าเราใช้กราฟช่วยตัดสินใจ ซื้อขายได้แล้ว แต่ตอนซื้อหุ้น เราจะซื้อยังไงดีครับ จะซื้อทีเดียวเลย หรือจะทะยอยซื้อเท่าๆกัน หรือจะซื้อแบบปิรามิด ยังไงดีล่ะครับ แล้วตอนขายอีกครับ ผมตั้งราคาคัทลอสเอาไว้ที่ 5% ได้ไหมครับพี่ บางทีจะใช้เส้น EMA อย่างที่พี่เขียนในหนังสือมันก็มากกว่า 5% ผมกลัวขาดทุนเยอะครับ ..ทำยังไงดีครับ
Wave Rider : . อ่าา!! ... อธิบายยังไงดีล่ะ ... (ขอลายเซ็นต์แล้ว ถามกูซะยาวเลยนะ)
ถ้าน้องตั้งคัทลอสไว้ 5% ก็หมายความว่า ถ้าราคามันถอยลงมาถึงจุดที่ขาย น้องก็ขาย บางทีราคามันจะถอยลงมาลึกกว่า 5% แล้วก็เด้งกลับขึ้นไปเลย แต่น้องขายไปแล้ว จะซื้อกลับก็ไม่กล้าแล้ว ก็ได้แต่นั่งมองใช่ไหมล่ะ .. ดังนั้นวิธีการยึดเส้น EMA เป็นแนวรับในการตั้งคัทลอสธรรมชาติ จะช่วยแก้ปัญหาพวกนี้ได้นะ เพราะการที่ราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย ก็แปลว่า แนวโน้มราคามันเริ่มลดลง ไม่ไปต่อแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการพักตัวที่เส้นแล้วขึ้น หรือลงต่ำกว่าเส้นไปเลยก็ได้ ดังนั้นการขายคัทลอสตอนที่ตกเส้น EMA ก็เป็นจุดที่ ปลอดภัยที่จะทำกำไรแล้วล่ะ ... ส่วนวิธีการซื้อที่น้องถาม มันรายละเอียดมันเยอะนะ ต้องอธิบายยาวเลย .. เอาง่ายๆ น้องก็ซื้อตอนราคาทะลุผ่านแนวต้านได้ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันง่ายๆ เลยนะ
น้องมือใหม่ : .. เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับพี่ ... แล้วพี่ปุยพอจะมีเวลาอธิบายวิธีซื้อไหมครับ
Wave Rider : . (เอางั้นเลยเหรอ ... กาแฟร้อนยังเต็มแก้ว .. กำลังนั่งชิวๆ ไปไหนไม่รอด .... เอาวะน้องกล้าถาม ก็ตอบมันหน่อยก็ได้)
งั้นน้องนั่งเลย พี่จะอธิบายให้ฟัง ..แล้วน้องมีกระดาษปากกาไหม
น้องมือใหม่ : .. มีครับพี่ ..
(น้องมือใหม่ .. หยิบสมุด Sketchbook กับดินสอ ออกมา)
Wave Rider : . โอ้ว!! ... พกของอย่างนี้ด้วยเหรอ
น้องมือใหม่ : .. ครับพี่ ไปไหน ผมก็พกไปด้วยล่ะครับ
Wave Rider : . (มันเตรียมตัวพร้อมขนาดนี้ อนาคตไกลจริงๆ) ... เอ้า!! ขยับมานั่งใกล้ๆ
การจะซื้อหุ้น มันต้องเข้าใจการจำกัดความเสี่ยง ไม่ได้อยู่ที่จะซื้อหุ้นยังไง หรือจะทำกำไรเท่าไหร่ แต่ก่อนจะเอาเงินมาลงทุน เราต้องรู้ว่า เรายอมเสียเงินได้เท่าไหร่ ลองบอกพี่สิว่า ถ้ามีเงินลงทุน หนึ่งแสนบาท น้องจะยอมขาดทุนได้ เท่าไหร่ ... หนึ่งหมื่นไหวไหม หรือ ห้าพัน หรือน้อยกว่านั้น
น้องมือใหม่ : .. เอ่อ ...ก็สัก 5,000 ครับพี่
Wave Rider : . เหรอ .. พี่นึกว่า จะบอกว่าเสียได้ทั้งก้อน ... ถ้ายอมเสียได้ทั้งก้อนไม่ต้องเอาเงินมาลงทุนแล้ว เอาเงินไปบริจาคทำบุญเลยดีกว่า ได้ผลบุญตอบแทน .. เราเอาเงินมาลงทุนให้มันงอกเงย ไม่ได้เอามาโปรยใส่ในตลาดฯ เล่นๆ
(.... จิบกาแฟ สักหน่อย ทิ้งไว้เดี๋ยวมันเย็น..)
Wave Rider : .. ดังนั้นการซื้อหุ้นแต่ละครั้งเราต้อง Limit Risk ของเราเอาไว้ ก่อนที่เราจะซื้อ เราต้องมีการทำ Trading Plan ต้องเขียนแผนไว้ก่อนแล้วว่า หุ้นที่เราเล็งเอาไว้ เราจะเข้าซื้อด้วยสัญญาณเทคนิคอะไร แล้วจะคัทลอสตรงไหน หรือด้วยสัญญาณเทคนิคอะไร เช่น ซื้อตอนที่ผ่านแนวต้านทำยอดสูงใหม่ แล้ววางคัทลอสไว้ที่เส้น EMA15 แล้วเราก็เขียน มันไว้ในสมุด ส่วนจำนวนหุ้นที่จะซื้อ มันมีวิธีคิดอย่างนี้
มันมีกฎ 2% (2% Rule) ที่นักลงทุนเขาใช้ในการจำกัดการขาดทุนอยู่ ...
เช่น ถ้าเรามีเงิน 100,000 บาท เราจะจำกัด เงินที่เราจะยอมเสียได้ไว้ ที่ 2% ของเงินลงทุนทั้งก้อน ก็คือ แค่ 2,000 บาทเท่านั้น ... เราจะไม่ยอมให้เกิดการขาดทุนจากลงทุนมากกว่า 2% ของเงินลงทุนทั้งก้อน ดังนั้นสมมุติว่าเราจะซื้อหุ้น A ตามที่เราดูกราฟมาแล้ว คือจะซื้อที่ราคา 20 บาท และคัทลอสที่ 19 บาท เท่ากับเรายอมขาดทุนได้ 1 บาทต่อหุ้น แต่เงินที่เรายอมเสียได้ คือ 2% ของ 100,000 บาท ก็เท่ากับ 2,000 บาท
หมายความว่า เราจะซื้อหุ้น A ได้ไม่เกิน [2,000 บาท / 1 บาทต่อหุ้น] เท่ากับ 2000 หุ้น
เพราะว่าถ้าซื้อมากกว่านี้ พอเราคัทลอส ก็จะขาดทุนมากกว่า 2% ที่เราตั้งกฎเอาไว้ ดังนั้นในการซื้อครั้งแรก เราจะไม่ซื้อหุ้น A มากกว่า 2000 หุ้น ...เข้าใจไหม
น้องมือใหม่ : .. อ้อ!!! เข้าใจบรรลุเลยครับพี่ ... แต่ว่าซื้อ 2000 หุ้นๆ ละ 20 บาทก็เป็นเงิน 40,000 บาท เองสิครับ แล้วเงินที่เหลือ ทำยังไงดีล่ะครับ
Wave Rider : . วิธีที่แนะนำ มันเป็นการบริหารจัดการเงินและควบคุมการขาดทุน โดยคำนวณหาจำนวนหุ้นที่เหมาะที่จะซื้อ บนขอบเขตของการขาดทุน ที่จำกัดเอาไว้ ถ้าราคาหุ้นมันวิ่งขึ้นจนมีกำไรแล้ว ก็เอาเงินที่เหลือมาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นไง ..พอเข้าใจรึยัง
น้องมือใหม่ : ..เข้าใจเลยครับพี่ แต่ว่าถ้าผมจะซื้อหุ้นหลายๆ ตัวล่ะครับ คิดยังไงครับ
Wave Rider : . งั้นสมมุติใหม่ ถ้าเรามีเงินสัก 1 ล้านบาท แล้วเราเล็งกราฟ ดูหุ้นที่จะซื้อเอาไว้ 3 บริษัท...มี ABC แล้วถ้า หุ้น A พื้นฐานดี ปันผลสวย ดูเทคนิคแล้วน่าจะไปได้ไกล เราก็อาจจะซื้อหุ้นตัวนี้ ในสัดส่วนที่มากกว่า ครึ่งของพอร์ท ก็ให้น้ำหนักหุ้น A ไว้ที่ 50% แล้วซื้อหุ้น B C น้อยกว่า สมุมติให้น้ำหนัก การลงทุนกับหุ้น B และ C ไว้ บริษัทฯ ละ 25%
ดังนั้น เงิน 1 ล้านบาท เรารับความเสี่ยงได้ 2% ก็เท่ากับ 20,000 บาท จะไม่ยอมขาดทุนมากกว่านี้ แล้ว ...มาดูกัน ...
ถ้าหุ้น A ดูกราฟแล้ว แนวต้านอยู่ที่ 40 บาทถ้าหุ้นผ่านแนวนี้ได้ จะเข้าซื้อ แล้ววางคัทลอสไว้ที่ 38 บาท แสดงว่ายอมขาดทุนได้ 2 บาท ดังนั้นจำนวนหุ้นที่มากที่สุด ที่จะซื้อได้ ก็จะเป็น
= 20,000 บาท x 50% / 2 บาท = 5,000 หุ้น
ในการซื้อหุ้น A ไม้แรกก็ซื้อ ได้ไม่เกิน 5000 หุ้น
ส่วนหุ้น B, C เราดูกราฟ ไปแล้วพบว่า หุ้น B ซื้อที่ 12 บาท คัทลอสที่ 11.60 บาท ส่วนหุ้น C ซื้อที่ 4 บาท คัทลอสที่ 3.70 บาท คำนวณจำนวนที่จะซื้อหุ้นของ หุ้น B, C ดังนั้น
หุ้น B ซื้อได้ไม่เกิน 20,000 บาท x 25% / (12.0-11.6) = 12,500 หุ้น
หุ้น C ซื้อได้ไม่เกิน 20,000 บาท x 25% / (4.0 -3.70) = 16,500 หุ้น
ดั้งนั้นจำนวนเงินที่ใช้ในการซื้อ หุ้น ทั้งสามครั้งแรก ก็จะเป็น
หุ้น A : 40 บาท x 5000 = 200,000 บาท
หุ้น B : 12 บาท x 12500 = 150,000 บาท
หุ้น C : 4 บาท x 16,500 = 66,000 บาท
รวมเป็น 416,000 บาท ก็จะเหลือเงิน 584,000 บาท พอราคาหุ้น มันขึ้นมา มากกว่า ราคาทุนที่เราซื้อไปครั้งแรก ก็เอาเงินนั้นออกมาซื้อเพิ่มได้
น้องมือใหม่ : .. โอ้ว !! .. อย่างนี้ เราก็ไม่มีทางขาดทุนเยอะๆ เลยสิครับ ...วิธีนี้มันง่ายมากเลยนะครับ ต้องขอบคุณพี่ปุยมากเลยครับ ที่สละเวลาอธิบายให้ฟัง ต่อไปเวลาซื้อหุ้น ผมจะได้เลิกมั่วแล้วล่ะครับ
ไม่รบกวนเวลา ของพี่แล้วล่ะครับ ... ไปละครับพี่ ...สวัสดีครับ
Wave Rider : ..ด้วยความยินดีครับ น้อง ....ถ้าเล่มสอง ของพี่ออกมาแล้ว ซื้ออีกนะครับ
น้องมือใหม่ : .. ไม่พลาดแน่ นอน เลยครับพี่
- + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
น้องมือใหม่ ไปแล้ว แต่ความคิด ที่ได้คุยกับน้อง ยังวนเวียนอยู่ในหัว ...ก่อนหน้านี้ จะพิมพ์ เรื่องอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้แล้ว ต่อไม่ติดเลย .....
อืม เราพูดซะเยอะขนาดนั้น มันน่าจะเลี้ยงกาแฟเราสักแก้วเป็นค่าวิชานะเนี่ย .... ฮึฮึ
......
.. จบ
ปุกปุย
.
.