ผมถูกปลุกจากการพักสายตาในขณะที่นั่งมาในรถ .. ใช่แล้วผมมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แล้ว น้องที่บริษัทขับรถไปรับผมที่บ้านแล้วมาส่งที่สนามบิน ... ที่จริงแล้วผมบอกแผนกธุรการไว้ว่า ให้จองแท๊กซี่ให้มารับผมที่บ้านตอนตีห้า วันที่ 31 ตุลาคม ด้วย ผมจะมาสนามบินฯ แต่พอถึงเวลา ตีห้า มีรถมาจอดหน้าบ้านแต่ไม่ใช่ แท๊กซี่ ดันกลายเป็นรถของบริษัท น้องที่แผนกธุรการขับมารับ ... ถามได้ความว่า "...เรียกแท๊กซี่ มันเปลืองเงิน..ผมขับมารับพี่ปุยไปส่งเองก็ได้ ไม่ลำบากเลย..." .. เออ ..เอากับมันลูกน้องแต่ละคน...
..
ผมถึงสนามบิน ตีห้าครึ่ง ... ใช่แล้ว วันนี้ (31 ตุลาคม 2555) ผมมีกำหนดเดินทางไปกับคณะนักธุรกิจสมาคม The Boss เป็นการสัมนาจรสำรวจเส้นทาง R3A ... เรานัดกัน 6.30 น. ผมมาถึงเร็วเกินไป แต่ที่จริงแล้วตั้งใจเพราะจะมาทานมื้อเช้าที่นี่ ...
เวลาเช้าที่น่านอนแบบนี้ .. มีแต่กาแฟร้อนๆ โลโก้สีเขียวเท่านั้น ที่จะช่วยเราได้
..
6.30น. ถึงเวลานัดแล้ว เรานัดกัน ROW C เพื่อรอ Check-In การบินไทย TG130 ไปลงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ทริปนี้ ไปกัน 36 คน ... เป็นนักธุรกิจที่ผ่านการอบรมในหลักสูตร The Boss ของสถาบัน MPI ทั้งหมด
...
ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินแล้ว .... ขึ้นไปนั่งบนเครื่องสักพักใหญ่ กัปตันก็แจ้งให้ทราบว่า จะ Delay Take Off เพราะการจราจรของสนามบินหนาแน่น ... กรรม ###!! สนามบินนานาชาติของประเทศ.. เฮ้อ!!!
...
10.00 น. เรามาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย เรียบร้อย ... ทางคณะเตรียมรถตู้ไว้ให้ 4 คัน รับเราไปทานอาหารกลางวัน ที่ "ห้องอาหารครัวสุโขทัย" ที่เจ้าของเป็นสาวสวย พี่น้องสองคน เป็นนักธุรกิจค้าขายอัญมณี และเครื่องประดับ ที่เดินทางร่วมมากับคณะของเราด้วย ...
ใครมีโอกาสไปเชียงราย ก็ลองแวะไปทานอาหาร นะครับ อาหารอร่อยมาก ร้านก็ตกแต่งสวยงาม เจ้าของก็น่ารักอัธยาศัยดีมาก ... สอบถามคุณชมพู่ หนึ่งในเจ้าของร้าน ว่าทำไมมาเปิดร้านอาหารที่นี่ ... ได้ความว่า ด้วยธุรกิจจะต้องเดินทาง ขึ้นลงเชียงราย ติดต่อซื้อพลอย ที่แม่สาย เป็นประจำ ก็เลยทำเกสเฮ้าส์ กับร้านอาหาร เอาไว้ใช้เองซะเลย ... ให้มันได้อย่างนี้สิ ...
13.00น. คณะของเรามีกำหนดเดินทาง ไปท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อชมท่าเรือพาณิชย์ขนถ่ายสินค้าแห่งใหม่บนชายฝั่งแม่น้ำโขง และฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของท่าเรือ
เมื่อไปถึง ท่านผู้จัดการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และทีมงานก็รอรับคณะของเราอยู่แล้ว
... เนื่องจากแม่น้ำโขง จะมีปัญหาระดับน้ำลดลงต่ำในช่วงหน้าปลายปีไปจนถึงฤดูร้อน ทำให้ไม้สามารถเดินเรือได้ในบางช่วงของแม่น้ำ .. และแม่น้ำโขงช่วงระหว่างท่าเรือเชียงแสน กับท่าเรือเชียงของ ก็มีเกาะแก่งในแม่น้ำ จำนวนมาก จึงทำให้เรือขนสินค้าไม่สามารถเดินเรือไปมาระหว่าง สองท่าเรือนี้ได้ ..เรือขนสินค้าจากจีน-ลาว ลงมาจากทางเหนือ ก็ต้องมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเชียงแสน แล้วถ้าจะลงน้ำอีกทีก็ต้องไปลงเรือที่ท่าเรือเชียงของ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าจากจีนที่ขนมาทางเรือ ก็จะขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเชียงแสน แล้วก็จะขนใส่รถบรรทุกลงมากรุงเทพฯ เลย มากกว่า
... สินค้าจากจีน เช่นผักสด ผลไม้ สามารถ มาถึงตลาดไท รังสิต ได้ภายใน 36 ชั่วโมง ลองคิดดูว่ามัน ทำเวลาได้รวดเร็ว ขนาดไหน ... แต่ในขณะที่ สินค้าจากไทย ขึ้นไป ที่ จีน อาจต้องใช้เวลา 48 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น เพราะ การขนสินค้าทางเรือขึ้นไป เราต้องแล่นเรือ ทวนกระแสน้ำขึ้นไป .. ส่วนสินค้าที่มีอายุเสียหายได้ เช่นเนื่อไก่ชิ้นแช่เย็น ก็จะใส่ตู้แช่เย็นของรถบรรทุกขึ้นไปทางบก
=======================================================================
..หลังจาก เสร็จภาระกิจ จากท่าเรือพาณิชย์ เชียงแสน คณะของเราก็ออกเดินทาง ไป อ.เชียงของ เพื่อไปข้ามฝั่งเข้าประเทศลาว กัน เส้นทาง สู่เชียงของ เป็น เส้นทางบนภูเขา ตลอดเส้นทาง มีทัศนียภาพ ที่สวยงาม และคาดการณ์ได้ว่า เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ใครผ่านมาแถบนี้ ต้องได้พบกับ อากาศเย็นๆ หมอกยาวเช้าที่สวยงามแน่นอน
... พี่ นักธุรกิจ ที่ไปด้วยกัน ถึงกับออกปากเลยว่า น่ามา ซื้อที่ดินเก็บไว้ ... ผมถามแกว่า จะซื้อเอาไปทำอะไร พี่ มีแต่ไร่มันสัมปะหลัง ไร่อ้อย เต็มไปหมด ... แกตอบผมจริงจังมากเลยว่า ถ้าสะพานที่เชียงของเสร็จ จะเชื่อม ลาว-ไทย ให้เดินทางไปมาสะดวก ที่แถบนี้ จะต้องเจริญขึ้น แน่นอน ... แกยังบอกอีกว่า บรรยากาศ แถบเส้นทางสู่เชียงของ นี้ มัน เหมือน .... "ปาย" ... เมื่อก่อนเลย ..
ผมถึงกับอึ้ง ... ในความคิดของแก ...จริงด้วยสิ ผมเคยไปปาย เมื่อ 15 ปี ที่แล้ว ไปตั้งเต้นท์ กันกับเพื่อนๆ มันเหมือน กันกับ ที่พี่ เขาบอกจริงๆ ด้วย ..... น่าคิดๆๆ ......
...ไม่นานนัก คณะของเรา ก็มาถึง ด่านเชียงของ ริมแม่น้ำโขง .. ทำเรื่องผ่านชายแดนเรียบร้อย ก็ขึ้นเรือข้ามแม่น้ำกันเลย เรือโดยสาร ก็เป็นเรือหางยาว นั่งได้ 25 คน อย่างที่เราเห็นๆ กัน ได้ทั่วไป
... นั่งเรือ เพียงอึดใจเดียว ก็ถึงฝั่งลาว แล้ว ... ฝั่งประเทศลาวนี้ เป็น แขวงบ่อแก้ว เมืองห้วยทราย คณะของเรา ขึ้นฝั่งแล้วก็เดิน ขึ้นไป ไม่กี่อึดใจ ก็ได้พบกับ อาจารย์วิชัย วิทยฐานกรณ์ รอรับ อยู่ที่โรงแรม เรียบร้อยแล้ว
อ.วิชัย เป็นนักธุรกิจ ที่มาบุกเบิก ทำธุรกิจใน ลาวและสิบสองปันนา ตั้งแต่ 10 ปี ที่แล้ว โรงแรมริมแม่น้ำโขงที่ ห้วยทราย นี้ ก็เป็นของท่าน ที่ได้รับอนุญาติจาก สปป.ลาว ให้มาทำไว้
อ.วิชัย ยังมี ธุรกิจอีกหลายอย่าง ที่นี่ หลังจากเรา เก็บของดื่มน้ำกันแล้ว อ.วิชัย ก็พาเรานั่งรถชมเมืองห้วยทรายกัน ...อาจารย์ พาไปดู กิจการแรกที่ ได้รับอนุญาติจาก สปป.ลาว ให้ทำ ..นั่นคือ "ท่าเรือบั๊ค"
อาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ...หลายปีก่อน ข้ามมาฝั่งลาว มาหาลู่ทางทำธุรกิจ 3-4 เดือน จะมาทีนึง มาก็มาเดินดูเมือง .. แกเรียกว่า ... "มาทำธุรกิจ ไทย-ลาว เดินเล่น" ตอนนั้น สปป.ลาวยังไม่เปิดประเทศ พอแกมาบ่อยๆ ทางการลาว ก็ส่งคนมาตามดูว่า แกมาทำอะไร เป็นคนไทย มาเดินทำอะไร ใน ชายแดนลาวฝั่งนี้
... จนเจ้าแขวงบ่อแก้ว ใจอ่อนยอมให้ อาจารย์ พบ .. อาจารย์ก็บอกว่าเป็นนักธุรกิจไทย ต้องมาหาโอกาสทำธุรกิจในลาว หลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ ก็ได้ งานชิ้นแรก คือ "ท่าเรือบั๊ค" หรือ ท่าเรือแพขนานยนต์ ที่ใช้ขนรถบรรทุก ข้ามแม่น้ำ จากฝั่งลาวข้ามมาฝั่งไทย...
จึงเป็นที่มาของ "บริษัท ฟ้าไชโย จำกัด" เพราะข้อตกลงในการทำสะพานระหว่างไทย-ลาว ที่เชียงของ ล่าช้า และไม่ต่อเนื่องจากการที่ ฝ่ายไทย มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยในช่วงที่ผ่านมา การก่อสร้างสะพาน ก็ล่าช้าออกไป ... การขนส่งสินค้าทางบก ผ่านเส้นทาง R3A จึงยังต้อง ใช้ แพขนานยนต์ แบบนี้ ขนรถบรรทุกข้ามไป มา
ปัจจุบัน อ.วิชัย ยังมี ธุรกิจ อีกหลายอย่าง เช่น บริษัททัวร์ สำหรับพานักธุรกิจ หรือคณะของราชการฝั่งไทย มาดูงานฝั่งลาว และจีน ... , พื้นที่เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ขนมาจากจีน เพราะรถในจีนพวงมาลัยซ้าย จะเข้าฝั่งไทย ต้องเปลี่ยนหัวลากให้เป็นพวงมาลัยขวา ... คอนโดที่สิบสองปันนา เหมาชั้น 21 ทั้งชั้นทำเป็น เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจที่ไปติดต่อธุรกิจ ในสิบสองปันนา ... เป็นต้น
...
แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบ ที่จริงแล้ว อ.วิชัย วิทยฐานกรณ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อันดับสอง ของ บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) .... นั่นเอง ...
...
. ค่ำคืนวันที่ 31 ตุลาคม เรามี Dinner Talk กันที่ ภัตตราคารห้วยทรายแก้ว อาหารมื้อค่ำ ริมแม่น้ำโขง ของอ.วิชัย ... ทานอาหารกันไป ชมชาวลาวออกมา ลอยกระทง ลอยโคม กัน สวยงาม เป็นประเพณีของเมืองนี้ เมื่อถึงวันออกพรรษา แล้ว จะจัดให้มีการลอยกระทง และจุดโคมลอย ที่ริมแม่น้ำโขง
ทางคณะของเรา พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์ ระหว่างกัน เป็นประโยชน์มากมายเรียกว่า เปิดมุมมองในสมองน้อยของผมให้กว้างไกลมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นเนื้อหา และประสบการณ์จาก อาจารย์ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยปัญญาภิวัฒน์ มีประโยชน์มากมายจริง เราพูดคุยกันจน สี่ทุ่มกว่า ก็แยกย้ายกันเข้านอน
ลืมบอกไป อาหารแนะนำ ของที่นี่ "ยำห้วยทรายแก้ว" ตอนฟังชื่อ ก็ น่าสนใจคิดว่าเป็นอาหารพื้นเมือง พอยกมาเสริฟ ถึงบางอ้อ เลย คนลาวเล่นง่าย เลย เอาเงาะไส้สัปปะรด กระป๋อง เอามายำรวมกับ กุ้งแม่น้ำนึ่ง ... จะจำไว้ ... "ยำห้วยทรายแก้ว"
วันนี้ ต้องเดินทางกันไกลทีเดียว นั่งรถบัส ผ่านเส้นทาง R3A เพื่อเข้าประเทศจีนในเย็นวันนี้ ตามโปรแกรม จะมีการแวะเยี่ยมชม โครงการศูนย์โลจีสติกส์ และ Entertainment complex ที่หลวงน้ำทา ใกล้ด่านบ่อเต็น ชายแดนลาว เป็นโครงการ ที่นักธุรกิจชาวจีน จาก สิบสองปันนา ได้เข้ามาลงทุน โดยได้สัญญาเช่าจาก สปป.ลาว 90 ปี ... (นานมากจริงๆ)
...
บ่ายๆ คณะของเราก็ไปถึงโครงการ มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโครงการ มาต้อนรับถึงที่ มากันสองคน ขึ้นมาบนรถ แล้วพาชมโดยรอบโครงการ พร้อมบรรยาย ไปด้วย ... กำลังงัวเงีย หาง่วงทันที เพราะทั้งสองคน เป็นหญิงสาวชาวไทลื้อ ผิวขาว น่ารัก ทั้งสองคน ... พูดไทย ชัดมาก สอบถามดู ถึงรู้ว่า มาเรียนปริญญาตรีที่ ม.ราชมงคลธัญญบุรี คลองหก นี่เอง.... ทำให้รู้ว่า ทุกปี จะมีนักศึกษาจากจีน สิปสองปันนา ที่เรียนภาควิชาภาษาไทย เข้ามาเรียนต่อ ในประเทศไทย เป็นจำนวนมากเลย ...(หาเรื่องคุยกับน้องเขา ก็เลยรู้...)
สภาพของโครงการ ในส่วน ศูนย์โลจีสติกส์ ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ปรับหน้าดินอยู่ ซึ่งศูนย์นี้ จะเป็น จุดพักรถ และเปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่มาจากจีน เข้าไทย หรือ ไปเวียงจันทร์ รวมถึงจะเป็นจุดตรวจสินค้า ศุลกากร และด่านกักกันสัตว์ ก่อนเข้าจีน ด้วย เรียกว่า เป็น one-stop-service ก่อนผ่านสินค้าเข้าจีนเลย
และในอนาคต ศูนย์นี้ จะเป็นสถานี ของรถไฟฟ้าความเร็วสูง สายแพนเอเชียด้วย ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า จากทางบกขึ้นรถไฟ หรือ รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว จากทุกประเทศ ได้
หมายเหตุ รถไฟสายแพนเอเซีย จากคุนหมิง มี สามเส้นทาง
1) เส้นทางรถไฟแพนเอเชียสายตะวันออก มีจุดเริ่มต้นที่สิงคโปร์ ตัดผ่านกัวลาลัมเปอร์ กรุงเทพฯ พนมเปญ โฮจิมินห์ ฮานอย เข้าสู่มณฑลยูนนานที่อำเภอเหอโข่ว อำเภอเหมิงจื้อ ผ่านเมืองยวี่ซี และเข้าสู่นครคุนหมิง ซึ่งมีระยะทางยาวรวมทั้งหมด 5,450 ก.ม.
2) เส้นทางรถไฟแพนเอเชียสายกลาง มีจุดเริ่มต้นที่สิงคโปร์ ตัดผ่านกัวลาลัมเปอร์ กรุงเทพฯ เวียงจันทน์ เข้าสู่มณฑลยูนนานที่ด่านบ่อหาน ผ่านเมืองจิ่งหง เมืองผูเอ่อร์ เมืองยวี่ซี และเข้าสู่นครคุนหมิง ซึ่งมีระยะทางยาวรวมทั้งหมด 3,894 ก.ม.
3) เส้นทางรถไฟแพนเอเชียสายตะวันตก มีแผนการก่อสร้างเส้นทางเริ่มต้นที่สิงคโปร์ ตัดผ่านกัวลาลัมเปอร์ กรุงเทพฯ ย่างกุ้ง เข้าสู่มณฑลยูนนานที่เมืองรุ่ยลี่ ผ่านเมืองเป่าซาน เมืองต้าหลี่ และเข้าสู่นครคุนหมิง ซึ่งมีความยาว 4,760 ก.ม. หรืออาจจะก่อสร้างเชื่อมกับเส้นทางรถไฟอินเดีย ตัดผ่านมิตจีนา ของพม่า และเข้าสู่มณฑลยูนนานที่โหวเฉียว ผ่านเมืองเป่าซาน เมืองต้าหลี่ และเข้าสู่นครคุนหมิง
การก่อสร้าง ทั้งสามเส้นทาง เป็นโครงการของจีน ที่จะเชื่อมโยง เศรษกิจจีนเข้ากับ ประเทศอาเซียน และการก่อสร้างทั้งหมด ตามแผนงานคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ปี พ.ศ.2558 แต่ล่าสุดทางเส้นทางที่ผ่านลาว ทางสปป.ลาว ได้ยกเลิกข้อตกลงเดิมที่ ทำไว้กับจีน ที่ให้จีนเป็นฝ่ายก่อสร้าง แต่ข้อตกลงเดิม เอื้อประโยชน์ ให้กับจีนมากเกินไป ทางสปป.ลาว ถึงกับปลดนายกฯคนเดิมออก แล้วตั้งนายกคนใหม่ แล้วเปลี่ยนข้อตกลงใหม่เป็น ทางลาวจะเป็นฝ่ายสร้างเอง โดยจีนสามารถสนับสนุนเทคโนโลยี่ ส่วนด้านเงินทุน ทางลาว เปิดให้ เงินทุนทุกประเทศ ที่สนใจลงทุนสามารถยื่นข้อเสนอให้กับลาวได้ .... ลาวเล่นไม้นี้ ทางจีนถึงกับพูดไม่ออก ... ได้แต่ต้องยอมรับ ...
แต่ต้องยอมรับว่า เส้นทางรถไฟสายแพนเอเซียนี้ จะทำให้การเดินทางระหว่างประเทศจีนและประเทศ SMT-CMLV เชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด และแน่นอนว่า นักท่องเที่ยวจากจีน มณฑลยูนนาน ที่มี มากกว่า 100 ล้านคน จะเดินทางลงมาถึงทุกประเทศได้อย่างสะดวกง่ายดาย
.
.
กลับมาดู ศูนย์กระจายสินค้า กัน ก็จะทำให้ศูนย์ นี้ กลายเป็นสถานี สุดท้ายของรถไฟสายแพเอเซีย ก่อนเข้าจีน ดังนั้น ทางจีนมีโครงการ พัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ ทั้ง 1000 กว่าไร่ ให้กลายเป็น Entertainment Area ด้วย มีทั้ง โรงแรม สนามกอล์ฟ รีสอร์ท ห้างสรรพสินค้า .... ฯลฯ กลายเป็น จุดท่องเที่ยว ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ของทั้งคน จีน ลาว ไทย ...
ภาระกิจการเยี่ยมชมโครงการลงทุน ของนักธุรกิจจีน จากจิ่งหง (สิบสองปันนา) รายนี้ ต้องบอกว่า อลังการจริง ...แต่ ต้องบอกเลยว่า มันยังเทียบไม่ได้กับโครงการ พัฒนาเมืองใหม่ ในสิบสองปันนา ของมหาเศรษฐีรายนี้เลย ... "โครงการเก้าจอมสิบสองเชียง" ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่า ....
แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีก ... ในตอนต่อไป
Wave Riders Pui
<-- Previous : Wave Riders ลุย เส้นทาง R3A - Part 1
--> Next : Wave Riders ลุย เส้นทาง R3A - Part 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น