ในการเดินทางในชีวิตจริง เราอาจจะต้องใช้ทั้งเข็มทิศ และแผนที่ คอยบอกเส้นทางในการเดินทาง และสภาพของเส้นทางที่เราจะเดินทางผ่าน ส่วนในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ถ้าราคาหุ้นเป็นแผนที่เดินทาง เข็มทิศ ก็คงจะเป็น Indicator ชื่อ DMI – Directional Movement Index ซึ่งสามารถหาใช้งานได้ในโปรแกรมกราฟที่ได้มาตรฐานทั่วไป
DMI ใน Aspen Graphics
DMI ใน eFin Smart Portal
DMI ใน Bisnews Professional
DMI หรือ Directional Movement Index แค่ชื่อก็บอกแล้วว่า Indicator นี้ใช้บอกทิศทาง ก็คือ มันเป็น Indicator ทีใช้ในการบอก ทิศทางของราคา หรือ Trend นั่นเอง ซึ่ง DMI นั้นเป็น Indicator ที่ถูกสร้างจากการประกอบร่างของ Indicator 2 ตัว คือ
Plus/Minus Directional Index (+DI/-DI) มีหน้าที่ ในการบอกทิศทางของราคาว่าเป็น Trend Up ขาขึ้น หรือ Trend Down ขาลง หรือ Sideway พักตัวไปข้างๆ
Average Directional Index (ADX) มีหน้าที่ บอกพลังของ Trend ถ้ามีค่ามากก็แปลว่า Trend มีพลังแข็งแรงมาก มีค่าน้อยก็แปลว่า Trend มีพลังน้อย
ดังนั้นจึงขอแยกอธิบายทีละส่วนก่อน พอเอามาประกอบร่างกัน ก็จะอธิบายวิธีดูอีกที
ADX เป็น Indicator ใช้บอกกำลัง (Strength) ของ Trend ตัวเลขจะวิ่งอยู่ระหว่าง 0-100 ถ้าตัวเลขมาก แปลว่า Trend แข็งแรงมากวิ่งแรง ถ้าตัวเลขน้อย แปลว่า Trend อ่อนแรงชะลอตัวหรือกำลังจะเปลี่ยน Trend
ADX ไม่ได้สนใจทิศทางในการวิ่ง ว่าเป็นขาขึ้น หรือเป็นขาลง เหมือนเวลาเราขับรถแล้วเหยียบคันเร่ง จะขับขึ้นเขาหรือขับลงเขา ถ้าเหยียบคันเร่งแรงๆ เลขเข็มรอบก็พุ่งขึ้นไปทั้งนั้น ก็หมายความว่า ถ้า Trend ขาขึ้น ADX วิ่งจากเลขน้อยไปเลขมาก ก็แปลว่า วิ่งขึ้นแรง ส่วน Trend ขาลง แล้ว ADX วิ่งจากเลขน้อยไปเลขมาก ก็แปลว่าลงแรง ใช้ ADX ดูกำลังของ Trend ก็ให้นึกว่า เหมือนขับรถ
ADX < 20 เป็น No Trend ก็เหมือน เข้าเกียร์ 1 ขับรถออกตัว ราคาก็เหมือนรถวิ่งเกียร์ 1 คือ ก็ไหลๆ ไป ไม่ได้เร็วอะไร
ADX 20 -> 30 เป็น Begin Trend เริ่มเปลี่ยนเกียร์เป็น เกียร์ 2 รถวิ่งเร็วขึ้น ราคาหุ้นค่อยๆ ขยับชันกว่าเดิม
ADX 30 -> 45 เป็น On Trend ก็เหมือนเปลี่ยนเข้าเกียร์ 3 ราคาหุ้น เริ่มทำความเร็วสูงขึ้น กราฟราคายกตัววิ่งชันขึ้น
ADX 45 -> 60 เป็น Strong Trend คราวนี้ ราคาเปลี่ยนเข้าเกียร์ 4 แล้ว ราคาวิ่งไปด้วยความเร็วสูงแล้ว
ADX > 60 เป็น Extreme Trend ราคาหุ้นเข้าเกียร์ 5 แล้วเยียบมิดเลย ราคาพุ่งแรงสุดๆ
คนที่ขับรถเป็นจะรู้ว่า ในบางสถานการณ์ รถก็วิ่งเร็วไม่ได้วิ่งเต็มที่ก็แค่เกียร์ 3 หรือคนบางคนก็ ไม่กล้าขับรถเร็วกลายเป็นว่าขับรถก็ขับแค่เกียร์ 4 ไม่เคยใช้เกียร์ 5 เลย หุ้นก็เหมือนกัน ราคาหุ้นบางตัว ADX ไม่เคยไปถึง 60 เลย ราคาวิ่งแรง ADX มาแค่ 50 กว่า แล้วก็หมดแรง
เวลาที่เราขับรถแล้วใช้เกียร์ 5 ขับรถแล่นไปเร็วมาก มันจะเสียวๆ ขับได้ไม่นานก็ต้องลงความเร็วลงมา อาการของ Extreme Trend ก็เหมือนกัน เวลาที่ราคาหุ้นวิ่งจน ADX > 60 เป็น Extreme Trend แล้วราคาจะอยู่ในอาการ Extreme ได้ไม่นานความเร็วของราคาก็จะชะลอลดลง แล้ว ADX ก็จะลดถอยลงจาก มากกว่า 60 ลงมาที่ ระยะ 45-60 Strong Trend
ใน Trend Up ขาขึ้น เมื่อ ADX ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ราคาจะวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนราคาหุ้นที่มี ADX น้อยกว่า 30 ราคาก็จะวิ่งไปข้าง หรือราคากำลังจะกลับตัว
ส่วนใน Trend down ขาลง เมื่อ ADX ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ราคาจะวิ่งลงอย่างรวดเร็ว และราคาหุ้นที่มี ADX น้อยกว่า 30 ราคาก็จะวิ่งไปข้าง หรือเตรียมจะกลับตัว
2. จะขึ้นเขา ... อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย... จะได้ไม่ติดดอย
3. เทรดง่ายๆ ด้วย Three Line Break Chart
<--- Previous : 8 เหตุผลที่ คนควรขายหุ้น
Average Directional Index (ADX) มีหน้าที่ บอกพลังของ Trend ถ้ามีค่ามากก็แปลว่า Trend มีพลังแข็งแรงมาก มีค่าน้อยก็แปลว่า Trend มีพลังน้อย
ดังนั้นจึงขอแยกอธิบายทีละส่วนก่อน พอเอามาประกอบร่างกัน ก็จะอธิบายวิธีดูอีกที
จากภาพ DI Plus อยู่ด้านบนเป็น Trend Up แสดงใน พื้นที่ สีเขียว ส่วน DI Minus อยู่ด้านบน เป็น Trend Down แสดงในพื้นที่ สีแดง ดังนั้น ถ้าราคาวิ่งขึ้นมา แต่ DI Minus อยู่ด้านบน ก็ไม่ใช่เวลาที่จะเข้าซื้อ ในวงกลม เป็น จุดที่ DI Plus ตัดกับ DI Minus เป็น จุดที่เกิดการเปลี่ยน Trend
ADX เป็น Indicator ใช้บอกกำลัง (Strength) ของ Trend ตัวเลขจะวิ่งอยู่ระหว่าง 0-100 ถ้าตัวเลขมาก แปลว่า Trend แข็งแรงมากวิ่งแรง ถ้าตัวเลขน้อย แปลว่า Trend อ่อนแรงชะลอตัวหรือกำลังจะเปลี่ยน Trend
ADX ไม่ได้สนใจทิศทางในการวิ่ง ว่าเป็นขาขึ้น หรือเป็นขาลง เหมือนเวลาเราขับรถแล้วเหยียบคันเร่ง จะขับขึ้นเขาหรือขับลงเขา ถ้าเหยียบคันเร่งแรงๆ เลขเข็มรอบก็พุ่งขึ้นไปทั้งนั้น ก็หมายความว่า ถ้า Trend ขาขึ้น ADX วิ่งจากเลขน้อยไปเลขมาก ก็แปลว่า วิ่งขึ้นแรง ส่วน Trend ขาลง แล้ว ADX วิ่งจากเลขน้อยไปเลขมาก ก็แปลว่าลงแรง ใช้ ADX ดูกำลังของ Trend ก็ให้นึกว่า เหมือนขับรถ
ADX < 20 เป็น No Trend ก็เหมือน เข้าเกียร์ 1 ขับรถออกตัว ราคาก็เหมือนรถวิ่งเกียร์ 1 คือ ก็ไหลๆ ไป ไม่ได้เร็วอะไร
ADX 20 -> 30 เป็น Begin Trend เริ่มเปลี่ยนเกียร์เป็น เกียร์ 2 รถวิ่งเร็วขึ้น ราคาหุ้นค่อยๆ ขยับชันกว่าเดิม
ADX 30 -> 45 เป็น On Trend ก็เหมือนเปลี่ยนเข้าเกียร์ 3 ราคาหุ้น เริ่มทำความเร็วสูงขึ้น กราฟราคายกตัววิ่งชันขึ้น
ADX 45 -> 60 เป็น Strong Trend คราวนี้ ราคาเปลี่ยนเข้าเกียร์ 4 แล้ว ราคาวิ่งไปด้วยความเร็วสูงแล้ว
ADX > 60 เป็น Extreme Trend ราคาหุ้นเข้าเกียร์ 5 แล้วเยียบมิดเลย ราคาพุ่งแรงสุดๆ
คนที่ขับรถเป็นจะรู้ว่า ในบางสถานการณ์ รถก็วิ่งเร็วไม่ได้วิ่งเต็มที่ก็แค่เกียร์ 3 หรือคนบางคนก็ ไม่กล้าขับรถเร็วกลายเป็นว่าขับรถก็ขับแค่เกียร์ 4 ไม่เคยใช้เกียร์ 5 เลย หุ้นก็เหมือนกัน ราคาหุ้นบางตัว ADX ไม่เคยไปถึง 60 เลย ราคาวิ่งแรง ADX มาแค่ 50 กว่า แล้วก็หมดแรง
เวลาที่เราขับรถแล้วใช้เกียร์ 5 ขับรถแล่นไปเร็วมาก มันจะเสียวๆ ขับได้ไม่นานก็ต้องลงความเร็วลงมา อาการของ Extreme Trend ก็เหมือนกัน เวลาที่ราคาหุ้นวิ่งจน ADX > 60 เป็น Extreme Trend แล้วราคาจะอยู่ในอาการ Extreme ได้ไม่นานความเร็วของราคาก็จะชะลอลดลง แล้ว ADX ก็จะลดถอยลงจาก มากกว่า 60 ลงมาที่ ระยะ 45-60 Strong Trend
ใน Trend Up ขาขึ้น เมื่อ ADX ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ราคาจะวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนราคาหุ้นที่มี ADX น้อยกว่า 30 ราคาก็จะวิ่งไปข้าง หรือราคากำลังจะกลับตัว
ส่วนใน Trend down ขาลง เมื่อ ADX ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ราคาจะวิ่งลงอย่างรวดเร็ว และราคาหุ้นที่มี ADX น้อยกว่า 30 ราคาก็จะวิ่งไปข้าง หรือเตรียมจะกลับตัว
เมื่อ รวมร่าง DI plus/ DI Minus กับ ADX เข้าด้วยกันก็จะกลายเป็น DMI ดังภาพ
ในตอนที่ราคาหุ้น Break Out แนวต้าน พร้อมกับมี Volume ถ้าดู DMI แล้ว พบว่า DI Plus อยู่ข้างบน และ ADX > 20 เมื่อไหร่ ก็เป็นลักษณะของการออกตัวของราคาหุ้นแล้ว เป็นการยืนยันโอกาสในการที่ราคาจะวิ่งขึ้นต่อไป การ Break Out นั้น มันจึงน่าซื้อ Buy at Break Out ....
DMI ไม่ใช้ เป็น Indicator สำหรับ สร้าง Buy Signal หรือ Sell Signal แต่ใช้สำหรับยืนยัน ราคาหุ้น ว่าพร้อมที่จะเคลื่อนที่อย่างมีพลัง และยืนยันการมี Trend ที่ชัดเจน อีกด้วย
ดังนั้น การฝึกดู DMI ให้เป็น ก็ไม่ต่างจากการหัดดูเข็มทิศ เดินป่าให้เป็น ถ้าดูไม่เป็นก็หลงป่า DMI เป็นตัวแสดง เข็มทิศ ในการเดินทางของราคา ถ้าไม่นำมาใช้ดู บางทีก็เข้าซื้อผิดที่ผิดเวลา กันได้
ลองใช้กันดู จะได้ ไม่ตกรถ อีกแล้ว
บทความแนะนำ
2. จะขึ้นเขา ... อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย... จะได้ไม่ติดดอย
3. เทรดง่ายๆ ด้วย Three Line Break Chart
<--- Previous : 8 เหตุผลที่ คนควรขายหุ้น
Next ----> :
....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น