Wave Riders Technical Course Online

Wave Riders Technical Course Online
เรียน Technical Course online สามาร click ที่ ภาพเลย

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

เหลียวหลังแล SET 1 ปี .. แล้วต่อไป ยังไง

... หลังจาก SET  ไหล ลง รุนแรง ราวกับว่า จะ โดด บันจี้จัมพ์ลงมา ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะดูจากกราฟ แล้ว มันเป็น Free Falling มาก คือ หุ้นหลักๆ แต่ละตัว หล่นรูด แบบไร้แรงต้านทาน ตลาดเอง ก็ลงแบบ ไม่มี Brake ... มันช่างเป็น ความรู้สึก ที่ท้าทาย ปน ความเสียวซ่าน ที่ ชีวิตนักลงทุน จะพบพาได้ ไม่มากนัก
...
.
. แต่ สิ่งที่ น่ากังวล ก็คือ นักลงทุนมือใหม่ หลายคน ที่ ไม่เข้าใจ หรือ มือเก่า บางคน ก็ยัง งงๆ เข้าไปรับซื้อกันอยู่หลายวัน ด้วยความคิด อะไร ก็ไม่รู้ .... แต่ในแง่ เทคนิคคอล เทรดเดอร์ แล้ว ... มันไม่ใช่เวลาเข้าซื้อแน่นอน ... เพราะราคา ที่หล่นลงมา มัน พายุ มีด ทั้งนั้น ... ไม่กล้า เอาพอร์ทเข้าไปรับหลอกครับ เลือดสาด แน่นอน...
... หลายคนที่ ได้ รับ การฟังบรรยาย จาก Wave Riders ไป ( อย่างน้อยก็ 300 คน ล่ะ) ... คงจะ CUT LOSS กันไปแล้ว เพราะ ทั้ง Safety Belt , Air Bag มันส่งสัญญาณ ไปหมดแล้ว
จนเมื่อวันพุธ-พฤหัส (21-22 ก.ย.)  สัญญาณ สุดท้าย ร่มชูชีพ (Parachute) ก็ส่งสัญญาณ ให้กระตุกร่มได้ แล้ว (เพราะ SET มันกระโดดลง จากเส้น EMA233 day)
.
.
.. หลายคน ก็ยัง ไม่กระตุกร่ม ยังกล้าๆ กลัว  สุดท้าย วันศุกร์ (23 ก.ย.) SET กระโดดบันจี้ จัมพ์ ลงเหวไปแล้ว  ... เป็นไง คราวนี้ ยืนติดดอย อยู่ปากเหว ... ลมเย็น วิวสวย ไม่กล้าโดดตาม กันเป็นแถว ได้แต่โวยวาย .. บ่นตัดพ้อ.. โทษฟ้าดิน.. หรือหาใครก็ได้มาเป็นแพะ... จะได้ สบายใจปลอบใจตัวเองไป ..
เอา น่า ... VI จำเป็น ..ก็ได้ ไหนๆ บางคน ก็จำเป็น ตอน ปี 2008 มาแล้วรอบนึง... รอบนี้ อีกสักที ก็ไม่เป็นไรหรอก ... ปันผล หุ้นไทย สูง ใช้ได้อยู่นะครับ... ถือไปๆ ... หลายบริษัทฯ ยังพื้นฐานดีมาก.. เติบโตในระยะยาว แน่นอน... ถือยาวไป อย่างน้อย อีก 12 เดือน ... แต่กว่า รถจะขึ้นดอยมารับ คงไม่ต่ำกว่า 15-18 เดือน... เอา จัดไป ยังไง ปันผลสูงกว่า ดอกเบี้ย... สู้ๆๆๆ ... คิดซะว่า ย้ายที่ฝากเงิน ... ยังไง ซะ ปีหน้า ปี 2012  .. ธนาคาร ก็ประกันเงินฝากแค่ ล้านเดียว อยู่แล้ว ....

.
... มาลอง ดู ตลาดหุ้นไทย SET ย้อนหลัง กันไปเมื่อ 1 ปี ที่แล้ว ซิว่า หน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง
.
..
..  ตอนนั้น 28 สิงหาคม 2553 .. ในภาพระดับ Month ได้ตีเส้น Fibonacci Retrace ย้อนขึ้นมาจาก 200 จุด ขึ้นไปที่ 1790 จุด ก็ได้ เส้นดังภาพ ด้านบน ตอนนั้น หุ้น กำลัง เข้าใกล้ High 924 ของปี 2007 ซึ่งพอเดือน กันยายน 2553 ก็ทำ New High ผ่านขึ้นไปจนได้ ... แต่ในตอนนั้น Fibo. Retrace บอก แนวต้านสำคัญมากๆ ของภาพใหญ่ อยู่ ที่ 1124 จุด ... แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่า จะไปถึงไหม .... มันก็แค่ ตัวเลข... ที่ (บางคน) บอกว่า "มันมั่ว" ... . ก็ไม่ว่าอะไร ... ตีเส้น ไว้ลืมๆ ... ไม่เห็นจะเป็น อะไร ... ไม่มีใครตายซักหน่อย ..
..
... และอีกภาพ ที่ พลาดไม่ได้ คือ การตี เส้น Channelling ... ก็ตีเส้น Trend Line ด้านล่างก่อน ลาก จาก 200 จุด ผ่านไป ที่ 380 จุด.. แล้วก็ตีเส้น คู่ขนาน ที่ 551 จุด (ปี 1999) ... พบว่า เส้น คู่ขนาน นั้น Project ผ่าน จุด 924 (ปี 2007) พอดี ... จนขนลุก ..... O^O !!?? .... แต่ว่า มี ที่ 802 จุด (ปี 2004) มันเกินเส้น ขึ้นมา ก็เลย ตี คู่ขนาน ไว้อีกเส้น ที่ จุด 802 .... ก็ได้ ช่อง คู่ขนาน ที่ มี ข้างล่าง 1 เส้น ข้างบน 2 เส้น ไว้เป็นกรอบ ในการ มองภาพ ระยะยาวๆ  ....
..
. ในเวลาต่อมา .... มกราคม 2554
.
.  ตลาดหุ้นไทย วิ่ง ขึ้น อย่างแข็งแรง .. นักลงทุน แทบจะหลับตาซื้อ หุ้นกันเลย ใคร ที่เพิ่งเข้ามาลงทุน ในปี 2009 .. แล้วเลือกหุ้นถูกตัว ก็กลายเป็นเศรษฐี กันภายในไม่กี่เดือน ... พอร์ท โต 300%-400% กันเลย
โดย เฉพาะเมื่อ หุ้น วิ่งข้าม New High 924 แล้ว ยังขึ้นต่อ จน ข้าม 1000 จุด ....
.
.. เอาล่ะ สิ เป็น ข่าวใหญ่ข่าวดัง แล้ว ว่า ตลาดหุ้น ไทยมาแล้ว .. จะไป 1700 จุด บ้างล่ะ .. ปีนี้ ได้เห็น 1200 จุด บ้างล่ะ .... หุ้นวิ่ง เดือนละ 50-80 จุด .. เป็น เทรนดิ่ง ที่รุนแรงมาก ... มันกระตุ้น ความอยากลงทุน ของ นักลงทุนหน้าใหม่ เข้าตลาด กัน เป็น ทิวแถว ....
.
..  กำเงินกันมาคนละก้อน มากบ้าง น้อยบ้าง ตามสภาพ .. หวังจะทำกำไร "รวยหุ้น ร้อยล้าน พันล้าน"
แต่.. ลืมกันไปรึเปล่า ... นี่ตลาดหุ้นนะ ไม่ใช่ เข้าบ่อน จะได้เข้ามาแล้ว แล้วถามมาร์ ว่า ตู้ไหนดี แล้วก็ใส่เงิน เข้าตู้ไป แล้วโยกคันโยก.. เสร็จ แล้ว นั่งพนมมือ .. ขึ้นสิ ขึ้นสิ .... บ้าเหรอ มันคงวิ่งขึ้นให้หรอก
.
.. เออ แต่หุ้น บางตัวมันก็วิ่งขึ้นให้จริงๆ นะ ... แหม!!  .. หน้าใหม่ ทั้งหลาย ได้กำไร กัน ไป 10%-20% ... โอ้ว !!! ... ได้ใจกันใหญ่... คราวนี้ เริ่มหนักข้อ ใส่หนักขึ้น .... ได้เรื่อง เลย พอ กลางเดือน มกราคม 2553 เท่านั้น ล่ะ SET ใจร้าย  ตบ 5 วันรวด ลง จาก 1030 จุด เหลือ 950 จุด ... คราวนี้ มึนสิ ...  อะไร นี่ มือใหม่ ทั้งหลาย ยังไม่เคยเจอ ... มือใหญ่ เวลาเขา ทำกำไร กันที มัน แรงขนาดไหน...
.
..  หลายคนเริ่ม ตั้งสติได้ ว่า ไม่ได้เข้าบ่อน ... แต่ลงทุนในตลาดหุ้น อยู่ ... เริ่มศึกษา หาความรู้ สังเกตได้จาก ... หนังสือหุ้นหลายเล่ม เริ่มขายดี ติด Best Seller หลายเล่มมากๆ ทั้งที่ปกติ หนังสือแนวนี้ ขายยากมาก... เริ่มมี Blog , Fan Page และ โพสต่างๆ ที่เกี่ยวกับหุ้น ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ...
... เริ่มเห็น นักลงทุนหน้าใหม่ ที่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี เพิ่มมากขึ้น ... พวกนี้ มัน เกิด Fever ตามกระแส.. ... สุดท้าย ธรรมชาติ ของ ตลาดหุ้น จะคัดเลือกผู้แข็งแกร่ง ด้วยตัวมันเอง ว่าจะให้ใครได้ อยู่รอด.. ได้ต่อไป ...

..
. เมื่อ ย้อนดู การเดินทางของตลาดหุ้นไทยแล้ว พบความน่าสนใจ ด้านเวลา พอสมควร เลยทีเดียว
.. จาก 1790 จุด ทิ้งลงมา 200 จุด ครั้งนั้น ใช้เวลา 55 เดือน ถือว่า ยาวนานมาก เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศไทยเลย เพราะต้นตอของปัญหา เกิด ที่ ประเทศไทยของเราเอง ... นักลงทุนต่างพากันเรียกว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" .. มันน่าภูมิใจไหมนี่ .... แล้วตลาดหุ้นไทย ก็ค่อยๆ ฟื้นคืนชีพ ขึ้นมา ที่ 924 จุดใน ปี 2007 ... แต่ใช้เวลา 110 เดือน ... มันใช้เวลาเป็น 2 เท่า ของขาลง ...(น่าสนใจจริงๆ)
..
แล้ว ก็เกิด Subprime Crisis 2008 .. ลงมา เลือดสาดไปตามๆ กัน ลง รวดเดียว 13 เดือน .... คราวนี้ ลงเร็ว เพราะไม่ได้เกิดปัญหา ที่ บ้านเรา เป็นปัญหา ที่ อเมริกา ... แล้วส่งผลมาโดนตลาดทั่วโลก... แต่น่าคิดนะ ของเรา ครั้งนั้นตอนที่ เทกระจาดลงมา ปี 1996 โดนกันไปเต็มๆ ...กว่าจะฟิ้น กลับมา ก็ 10 ปี  แล้วอเมริกา ในครั้งนี้ล่ะ .. ไหน ยังยุโรปอีก ... สองทวีป เลวร้ายส่งผล ถึงตลาดทั่วโลก ไปหมด แล้วสภาพแบบนี้ มัน ชัดมาก ว่า อีกนานกว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ .... จะกี่ปี ล่ะ .....
.
 ..    พอถึงปลายเดือน มกราคม 2554 เราก็เริ่มเห็น สัญญาณการจบรอบ ชัดเจนขึ้น ทั้งการหลุด Trend line ระดับ Week การถดถอยของราคาระดับ Month และ Week ที่ มีความชัดเจนขึ้น
แต่เนื่องจาก การสะสมกำลังในขาขึ้นของหุ้น และตลาดหุ้นไทย ตลอด 26 เดือน ที่ผ่านมา มันแข็งแกร่งมาก.. จึงไม่ยอมจบง่ายๆ ..
.
.
.. พอเข้าสู่เดือน กุมภาพันธ์ 2554 .. ตลาดได้ ถอยพักตัวลงมาพอสมควร หุ้นใหญ่ๆ หรือ ดังๆ หลายตัวตีโค้งลงมาก อย่างพร้อมหน้า ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงใน แต่ละสัปดาห์ ... "น่าจะขึ้นได้รึยัง" .. เป็นคำถามของหลายๆ คนที่สงสัย ... และถามกันเข้ามามากมาย ... แต่ในขณะที่ Wave Rider มองว่า น่าจะขึ้นได้ อีกสัก 1 รอบ ก่อนจะลงอย่างรุนแรง ..
.. และก็เป็นจริง ตลาดหุ้นไทย พลิกกลับ วิ่งขึ้น อย่างรุนแรง อีกรอบ ตั้งแต่กลางเดือน กุมภาพันธ์ มาจนถึง เดือน พฤษภาคม 2554 วิ่งข้าม 1100 จุด ไปเล็กน้อย แล้วก็เท ขาย ลงมาอีกครั้ง
.

  . .  พอเข้าเดือน มิถุนายน 2554  ...  ตลาดหุ้นไทย ยังหัวปักลงมา .. ในแง่ภาพกราฟ ทางเทคนิค มองได้ว่า  ราคาหุ้น และตลาด เอง เริ่มเสียทรง แล้ว หน้าตาหุ้นหลายตัวออกอาการแปลกๆ ...
.. 
 .  เข้าสู่เดือนสิงหาคม . ตลาดหุ้นไทย ออกอาการ อ่อนแรง สุดๆ  MACD week Divergent ติดต่อกัน 2 รอบ แสดงถึง ความอ่อนแอ ของตลาด Vol. ปริมาณการซื้อขายลดลงจากต้นปี อย่างชัดเจน ..
จะด้วยข่าวดี เรื่อง เลือกตั้ง หรือ ข่าวอะไร ก็แล้วแต่ ตลาดหุ้นไทย วิ่ง ทำ New High อีกครั้ง ไปถึง 1148 จุด แรงดี ทีเดียว .. แต่ดูทรงกราฟ แล้วมันแปลกตามาก เพราะ วิ่งขึ้น เร็วและแรง เกินไป .. อีกทั้ง ตลาดหุ้น ทำยอดสูงใหม่ก็จริง แต่ หุ้นตัวใหญ่ๆ ไม่ไปด้วย ไม่ทำ new high ด้วย ....
.
. หุ้นบางตัว ทั้งธนาคาร และพลังงาน ถึงกับ ทำ Price Pattern ที่น่าอันตราย ที่เรียกว่า Head & Should เกิด สัญญาณ อันตราย ในภาพกราฟ บอกเราแล้ว ว่า ... เหลือการลง อีก 1 ครั้ง และขึ้น อีก 1 ครั้ง เท่านั้น ... สำหรับปีนี้ .. ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ในตอนนั้น ยังพอเหลือความหวังว่า SET จะกลับไป ที่ 1150 จุด ได้อีก ครั้ง ... แต่ 1200 จุด เลิกฝันไปแล้ว...
.
.. เดือน สิงหาคม ทั้งเดือน ตลาดหุ้นไทย ทิ้ง ดิ่ง ลงมาอย่างรุนแรง ใช้เวลาน้อยกว่า การวิ่งขึ้นไป ทำยอดสูง ในเดือน กรกฎาคม อีกด้วย ... ตลาดเริ่ม แสดง อัตราเร่ง ขาลง ออกมาแล้ว.... ทำภาพกราฟ คาดการณ์ อาการล่วงหน้าไว้ .... ในใจขณะนั้น ยังมองในทิศทางที่ดี ว่า น่าจะกลับขึ้นไปได้ เป็นสีฟ้า ... มาที่สุด แต่ ก็ไม่ประมาท ว่าจะลงเป็น สีแดง ... แต่สีม่วง  นั้น ความหวังเรือนรางจริงๆ
... ในที่สุด ตลาด ก็ เฉลย ตัวเอง ออกมา ว่า เลือก .. สีแดง .... (T.....T) ... ลงกันแบบ ไม่ให้ เม่า ตั้งตัวกันเลย.. .. ทำยังไงได้ ประชาธิปไตย นี่นา เลือกกัน สีนี้ ตั้งครึ่งค่อนประเทศ ..... ตลาดหุ้น ก็เลยเลือกด้วย...
... เอาลองดู ลุยไป สีแดง ก็สีแดง .. สู้ โว้ย !!! ไทยแลนด์ Only.....
.
.
. พอ เข้าสู่เดือน กันยายน 2554 ความชัดเจนเริ่มเกิดขึ้น เรื่อยๆ แล้วว่า .. ไม่มีใคร สามารถ ประคับประคอง ตลาดหุ้นไทย ให้ฝ่าวิกฤติ ของเศรษฐกิจ โลกได้อีกแล้ว ... การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ยังไม่ลงตัว .. นโยบายที่ยังไม่มีทิศทาง ชัดเจน ... ตัวใครตัวมันล่ะครับ ท่าน ... ฝรั่งก็ โกย เหมือนกัน ... ต่างชาติ เริ่มขาย กระหน่ำ ต่อเนื่อง ..... ภาพกราฟ ทางเทคนิค ก็ ฟ้องออกมาอย่างชัดเจน แล้ว ว่า ลงแน่ๆ และลึกด้วย ... แต่ด้านระยะเวลานั้น ไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า จบเร็วที่สุดก็ 34 สัปดาห์ หรืออาจจะนาน กว่านั้น ... ก็หมายความว่า ... ลงไปจนถึง ปีหน้า แน่นอน....
.
.
22 กันยายน 2554
.

วันที่ 22 กันยายน 2554 เป็น วันที่ ตลาดหุ้น ไทย ต้อง จารึกไว้เป็น ภาพประวัติศาสตร์ อีก วันหนึ่ง .. เพราะเป็นวันที่ ตลาดหุ้น กระโดดบันจี้ จัมพ์ ลงมาจากเส้น ค่าเฉลี่ย EMA233 ..
โดดลงมาแบบ Free Falling ขายทุกราคา ไม่มีกระตุก ไม่มีเด้ง ...เอาให้เห็นกันชัดๆ ว่า "กูจะลงแล้ว" ...  บางคน ตั้งสติได้ วันนั้น กระโดดตามลงมาด้วย ...เลยรอดชีวิต ..อาจจะแขนขาด ขาขาด หูแหว่ง ไปบ้าง ก็ยังพอทนได้ .... แต่ ยังมี อีกหลายคน ที่ยังมึนๆ... เอาไงดี ลงแรงเหลือเกิน ... ปีนึง ที่ผ่านมา มี แต่ เห็น กำไร 10-20% ... พอเจอ ตัวแดง 10-15%  ได้แต่ยืนตัวแข็ง ทำอะไร ไม่ถูก .."เอาไงดี เอาไงดี".... ถามใครต่อใคร ไปทั่วโลกออนไลน์ ... บางคนก็เชื่อมั่น อย่างแข็งขัน ว่า หุ้นดี พื้นฐานแน่น ปันผลงาม ... ถือได้ ... "ไม่ขาย" .... ก็ไม่ว่ากัน ...แนวใคร แนวมัน บังคับกันไม่ได้ ไม่มีใครบอกได้ หรอกว่า ตัดสินใจไปแล้ว แบบไหน จะดีที่สุด ในอนาคต .....
.

.
.
. ในวัน บันจี้จัมพ์ นั้น ภาพระดับ  Month มันยืนยัน แรงลง ที่รุนแรงอย่างมากมาย ลงมาปิด ที่ 990.59 จุด และเป็นการ Close Low  แสดงระยะทางการถดถอย ที่ชัดเจน ที่รออยู่ในวันต่อๆ ไป ให้เห็นว่า ... นี่ เพิ่งจะเป็น ก้าวแรกของการลงเท่านั้น ....
.. สภาพ อันเลวร้ายของตลาดหุ้น ทุกตลาดทั่วโลก ล้วนขานรับ กับ Operation Twist ของ FED
.. ลงกันอย่างไม่เห็น ก้น.. ว่าจะลึกถึงไหน ...... .
.

วันที่ 23 กันยายน 2554 ตลาดหุ้นไทย เปิดกระโดด และทิ้ง ลง ต่อไป แต่ ท้ายตลาด มี เด้งเล็กๆ กลับมาปิด ที่ 958.16 จุด ได้ ...แต่ ในภาพใหญ่ ไม่ใช่ สัญญาณ ที่ดี อะไร เลย...
เพราะในแง่ เทคนิคคอล แล้ว การลงแบบนี้ มันลงลึก ไปถึง 820-800 จุด ได้ แน่ๆ ...และเมื่อถึงตรงนั้นแล้ว จะเด้ง ได้สักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ... 
... ตลาดหุ้นไทย จะลงไป หยุด ที่ตรงไหน .. ไม่สามารถ คาดเดาได้ ในขณะนี้ อาจจะ เป็น 800 จุด (ยากอยู่) หรือ  660 จุด หรือ  580 จุด หรือ 475 จุด ... หรือ เลวร้ายกว่านั้น .... ใครเล่าจะรู้ได้ ... คงจะมีแต่ผู้ที่บำเพ็ญเพียร เป็น เทพ เป็น เซียน เท่านั้น ที่จะ มี อิทธิฤทธิ์ หยั่ง รู้ อนาคตได้ .....
..
... สุดท้าย คนธรรมดา อย่าง เรา ท่าน ก็ยังคงต้องไหล ไปกับกระแส ... ความเปลี่ยนแปลง ... 
คงทำตัว ให้ อยู่ใน ศีลธรรม ที่ดี ... กระทำแต่กรรมดี ...ละเว้น กรรมชั่ว อย่างน้อย ผลกรรม ทีได้ กระทำไว้ อาจจะส่งเสริม ช่วยเหลือ ให้ท่านพ้นเคราะห์ภัยได้ ... ....

.
.
.
ปุกปุย

.
.
.


6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ26 กันยายน 2554 เวลา 10:42

    ขอบคุณมากครับ...

    อ่านแล้ว...พูดได้คำเดียวว่า..."ขนลุก"

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ26 กันยายน 2554 เวลา 17:24

    สุดยอดมากครับ

    เห็นด้วยครับที่ประเมินว่าการขึ้นของ SET ไปที่ 1148 เป็น corrective ไม่ใช่ impulse เพราะ SET run อยู่ใน channel ตลอด ดังนั้นเมื่อเป็น strong b ก็มีโอกาสที่จะ retrace all of a wave ได้
    ....ขอขนลุกด้วยคนครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ26 กันยายน 2554 เวลา 22:12

    ขอบคุณมากครับอาจารย์ปุย
    มันลึกซึ๊งจริงๆครับ

    ตอบลบ
  4. สมชาย แซ่ตั้ง26 กันยายน 2554 เวลา 22:44

    นับถือหมดหัวใจเลยครับ อ.ปุย มีจิตวิญญาณความเป็นครูด้วย(ไม่ได้ยอนะครับ จากใจริงๆๆ)

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณพี่ปุยมากครับ
    สำหรับการวิเคราะห์ขั้นเทพ และการให้แบบไม่มีกั๊ก
    อ่านบทความของพี่ปุย 2-3 อาทิตย์ก่อนยังงงอยู่ ที่พี่ปุยบอกว่าเด้งมาเท่าไหร่ให้ Short ลูกเดียว ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ เมพขิงๆ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ2 ตุลาคม 2554 เวลา 07:44

    มาขอบคุณอีกครั้งค่ะ สำหรับบทความดีๆที่ช่วยให้ได้เรียนรู้และมองเห็นความไม่รอบคอบและข้อบกพร่องของตัวเองค่ะ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองเริ่มเดินมาถูกทางบ้างแล้วค่ะ

    ตอบลบ