แต่พอตลาด เปลี่ยน กลับมาเป็นขาขึ้น หรือตลาดกระทิง ก็เริ่มคึกคัก ลุ้นลงจากดอยกันใหญ่ ...
พอราคาเท่าทุน หรือได้กำไร นิดหน่อย ก็รีบขายกัน ซะแล้ว ...
.... เวลาตลาดขึ้น ถ้าจะซื้อ ก็ถือไปได้ ไม่เห็นจะต้องรีบขายเลย ถ้ามันยังไม่ถอยลงมาก็ถือลุ้นกันไป ... ถ้าราคาถอยลงมา ก็ต้องมีแนวราคาที่จะใช้ตัดสินใจว่า จะถือต่อ หรือขายซะ ...
แต่แนวราคาที่ว่า มัน ตรงไหน กันล่ะ ...
.
.. ในการเทรดด้วยเทคนิคคอล เป็นเรื่องจะเป็น ที่ก่อนเข้าซื้อ ต้องทำ แผนการเทรด (Trading Plan) ทุกครั้ง จะต้องมี ราคาซื้อ (Entry Price) , ราคาที่จะหยุดขาดทุน ( Initial Stop) และ จำนวนที่จะซื้อ (Position Size) เป็นแผนไว้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะซื้อเสมอ
.. ไม่มี สาม อย่างนี้ ถือว่า แผนการเทรด (Trading Plan) มันไม่ครบ ...
ปัญหา ส่วนใหญ่ ของมือใหม่หัดเทรด ก็คือ
- มีแต่ราคาซื้อ อย่างเดียว ... พอราคาลง ก็ทำอะไรไม่ถูก ก็รับความเสี่ยงไปเต็มๆ หรือ
- มีราคาซื้อ มีราคาหยุดขาดทุน แต่ตั้งราคาไม่เหมาะสม พอราคาถอยมาโดน ก็ขาย แล้ว ราคามันก็เด้งกลับ .. แบบนี้ ต้อง ทบทวนว่าตั้งราคายังไง
- มีราคาซื้อ มีราคาหยุดขาดทุน แต่ไม่คำนวณ จำนวนที่จะซื้อ เพื่อจำกัดความเสี่ยง ทำให้ซื้อเยอะเกิน OverTrade โดยไม่รู้ตัว ....
- หรือ มีแผนอย่างดี ครบทั้งสามอย่าง .. แต่ไม่มีวินัย ไม่ทำตามแผน ราคาถอยมาถึงราคาที่ต้องขาย ก็ไม่ยอมขาย เสียดาย ต่อรองราคา ... กลายเป็น พอราคาถอยเยอะๆ ลงเร็ว ก็ เกินจุดที่จะกล้าขาย ... กลายเป็น กัดฟัน ถือลงทุน ก็ได้ (ว่ะ)
... ราคาหยุดขาดทุน (Initial Stop) ก็จะเป็น ประเด็นสำคัญ ที่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้ แล้วจะตั้งราคาตรงไหน กัน ล่ะ ... ที่จริง ด้วยความรู้ทางเทคนิคคอล มันก็สามารถนำใช้ใน ได้ หลากหลาย เช่น
ใช้แนวรับ แนวต้าน (Support - Resistant) เป็นแนวหยุดขาดทุนก็ได้ (อ่านได้จาก บทความ Resistant and Support Part 1 , Resistant and Support Part 2 , Resistant and Support Part 3 )
..
.. หรือ อาจจะใช้ เส้นค่าเฉลี่ย Moving Average มาช่วยในการวางราคาหยุดขาดทุนก็ได้ โดยปกติ ถ้าหุ้นตัวไหน ที่ซื้อขาย ทำกำไร เป็น รอบก็อาจจะใช้ เส้น EMA15 เป็นแนวรองรับเคลื่อนที่ (Dynamic Support) หรือ ถ้า จะซื้อเพื่อถือลงทุน ตามแนวโน้มรอบใหญ่ ก็อาจจะใช้ เส้น EMA35 มาช่วยดูก็ได้ ...
ซึ่งถ้า ราคาขยับขึ้นไปเรื่อย เส้นค่าเฉลี่ย ก็จะวิ่งตามขึ้นไปเอง ...ถ้าราคาถอยมา แล้ว ราคาปิด (Close) มันยืนบนเส้นค่าเฉลี่ยไม่ได้ ก็ขายไปซะ .
.
... พอบอกอย่างนี้ ก็มีปัญหา มาถามกันอีกว่า แล้ว ถ้า ราคามันตกเส้นระหว่างวัน จะ ทำยังไง ต้องราคาปิดวันไหม ... เรื่องแบบนี้ มันก็ไม่ได้ มีสูตรสำเร็จ หรอกนะ .... มันก็ อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนเองว่าสามารถตีความกราฟ ได้ดีขนาดไหน ..โดยส่วนตัว จะดู Volume Buy ประกอบด้วย ถ้า Volume Buy กับ Sell มันมียอดพอๆ กัน ก็รอลุ้นจนจบแท่งราคานั้น .. แต่ถ้า Volume Sell มากกว่า Buy แบบ 35/65 หรือ 30/70 ขึ้นไป ก็อาจจะไม่ต้องรอจบวัน ก็ได้ ราคาหลุดเส้นลงมา พร้อม Volume Sell ทะลัก ก็โยนซ้าย ตามไปเลย จ้า ...ไม่ต้องตั้งขาย ..รอเด้ง
.
.. มีอีกวิธี นึง ที่จะเอามาใช้บ่อยๆ ...ก็คือ ใช้ Safety Belt .... นั่งรถขึ้นเขา เดินทาง เพื่อความปลอดภัย เรายังคาดเข็มขัดนิรภัย ... แล้วทำไมเวลา เทรดหุ้น จะคาดเข็มขัดนิรภับบ้างไม่ได้ ...
วิธี วาง แนว Safety Belt ก็คือ ...ดูว่าเวลาราคาขยับขึ้นมาต่อเนื่อง ก็เอาแท่งทีมีราคา Low ที่สูงสุด ไว้เป็นหลัก แล้วดูราคา Low price ของแท่งนั้น .. แล้วดูราคาถอยไปทางซ้าย มองหาแท่งราคาที่มีราคาต่ำ Low price อยู่ต่ำกว่า ลงไป 2 แท่ง เอาราคา Low Price ของแท่งนั้นเป็น แนวราคา Safety Belt
...
.... ถ้าเข้าซื้อไปแล้ว ... ราคา ถอยลงมา แต่ยังไม่ต่ำกว่า Safety Belt ก็รอดูก่อน ...แต่ถ้าราคา ลงมาแล้ว ราคาปิด Close Price ต่ำกว่า Safety Belt เราก็ Cut ขายทิ้งไป ... แต่ถ้าราคา หลุดระหว่างวัน ก็ ต้องกลับไปดู Volume Sell หลักการเดียวกับ ราคาหลุด EMA อย่างที่ อธิบายไปแล้ว ... เพราะบางทีราคาหลุดระหว่างวัน แต่เด้งกลับมาปิด ยืนเหนือ Safety Belt ได้ อย่างนี้ ก็ต้องถือ ต่อไป..
..
...
ถ้าราคาปิด Close Price หลุด Safety Belt ลงมาก็ต้อง Cut ขาย หุ้นออกมา ...
ถ้าราคาเทขาย ลงแรงระหว่างวัน Volume Sell เยอะมาก ก็ Cut ไปเลย เพราะ เราไม่รู้อนาคต อยู่แล้ว ว่าจะเด้ง กลับมาปิดได้ไหม ... เอาชัวร์ ว่าไม่ขาดทุนเยอะ ... ไว้ก่อน ...แต่ถ้าสุดท้าย กลับมาปิดยืนเหนือ Safety Belt ได้จริงๆ ก็ต้อง ทำใจยอมรับ ล่ะครับ ... แล้ว ถ้า อยากจะซื้อกลับ ก็ต้องให้ ราคาทำ Break Out New High ก่อนถึง จะกลับเข้าไปซื้อ ใหม่ ...
..
... กรณี ที่แท่งราคาถัดไป มีการทำ New High แต่ Low ไม่สูงขึ้นกว่าแท่งก่อน ...ก็ยังไม่ขยับ Safety Belt เราจะขยับ Safety Belt ขึ้นเท่านั้น ไม่มีการ ขยับถอยลงเด็ดขาด .. ก็จะขยับ Safety Belt ต่อเมื่อ ราคาเกิด แท่งราคา Higher High และ Higher Low เท่านั้น ...
..
... ซึ่ง เมื่อเรา ยก Safety Belt ตามไปเรื่อยๆ จน Safety Belt ของเรา อยู่สูงกว่าราคาทุนที่เราซื้อไว้ ... ก็ แปลว่า Stop เมื่อไหร่ ก็ยังกำไร อยู่ดี ... อัยย่ะ ... เล่นง่าย ไม่ธรรมดา แล้ว นะเนี่ย ..
.
... บางที มีคนมาถามว่า อยากซื้อหุ้นบริษัทนี้ ราคามันขึ้นไปแล้ว จะซื้อตรงไหน ดี ...
ไม่ยากเลย ....คำตอบ ... จะโดนข้อหา กวนบาทา ทุกที เพราะจะบอกว่า
"หุ้นมันมี Volume Buy ไหมล่ะ ถ้ามี แล้วอยากได้ ก็ซื้อเลย แล้วคาด Safety Belt "
.
.
.
.. เท่านี้ ก็ กลายเป็นว่า STOP LOSS = TAKE PROFIT นั่นเอง ....
.
ถึงตรงนี้ หลายคน ก็อาจจะจำได้แล้ว ว่า ประโยค นี้ มันคุ้นๆ ..
ก็ มัน อยู่ในหน้าใน ของ หนังสือ โต้คลื่นหุ้น ... รู้ทันเทคนิค ไงครับ ...
ใครจำได้ บ้าง .. ว่าอยู่หน้าไหนเอ่ย
...
...
โชคดี ในการ ขึ้นดอย ครั้งต่อไปครับ ...
Wave Rider Pui .......
บทความแนะนำ
1. ความเสี่ยงจำกัด ...ผลตอบแทนไม่จำกัด
2. Cut Loss Alert
3. Resistant , Support - Part 2
<---- Previous ... Intrinsic Value VS Market Price
----> Next : .... The Fractal : ฝ่ามือเทรด
ขอบคุณครับ .... เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ เอามาจากนี่แหละครับ ไม่มีในหนังสือ แต่มีในนี้ครับ
ตอบลบขอบคุณสำหรับทางสว่างในการขายหุ้นค่ะ อาจารย์ปุย
ตอบลบถ้า high ไม่สูงขึ้น แต่ low สูงขึ้น ขยับ belt ขึ้นไหมอ่ะครับ
ตอบลบ